Sygmalift Hifu นวัตกรรมยกกระชับหน้า แบบปลอดภัยไม่ต้องง้อการผ่าตัด อยู่ได้นานกี่เดือน
ในวงการการทำเลเซอร์ยกกระชับ คงรู้จักการทำ Hifu กันเป็นอย่างดี แต่เรามีไอเท็มที่เด็ดกว่านั้น มาแนะนำ นั่นก็คือ Sygmalift Hifu ที่ถูกจัดเป็น HIFU ประเภทหนึ่ง ย่อมาจาก High Intensity Focused Ultrasound ซึ่งเป็นเทคโนโลยีจากประเทศฝรั่งเศสรุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกพัฒนาออกมาเพื่อเน้นกระตุ้นการเกิดใหม่ของคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวกระชับขึ้นโดยเฉพาะ ซึ่งมีกระบวนการทำงานส่งผ่านพลังงานลงลึกไปยังใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวหน้าเต่งตึงยกกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลายคนยังคงสับสนว่าแตกต่างอย่างไรกับ HIFU ทั่วไป บทความนี้จะไขข้องใจค่ะ สามารถเลือกอ่านหัวข้อที่น่าสนใจได้ดังนี้
Sygmalift Hifu คืออะไร
การทำ Hifu หรือ High Intensity Focused Ultrasound คือนวัตกรรมที่ช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความหย่อนคล้อย ช่วยลดเลือนบรรดาริ้วรอยต่าง ๆ แก้ปัญหาร่องแก้ม ลดเหนียง โดยจะยิงคลื่นอัลตราซาวนด์ที่มีความเข้มข้นสูงและมีความปลอดภัยไปยังบริเวณที่ต้องการ ซึ่งก็จะสามารถลงลึกได้มากถึงชั้น SMAS (ชั้นเนื้อเยื่อสำคัญของกล้ามเนื้อบนใบหน้า) ทำให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยยกกระชับผิว และยังปรับโครงสร้างของผิวให้มีความเต่งตึงแข็งแรง แลดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้ด้วย
คุณสมบัติของเครื่อง Sygmalift คือ การทำให้ผิวหน้ายกกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สามารถเก็บกรอบหน้าได้ดี นอกจากนี้ยังทำให้รูขุมขนกระชับขึ้น โดยการฟื้นบำรุงผิวและกระตุ้นการเกิดใหม่ของคอลลาเจน ด้วยคลื่นพลังงานที่ลงลึกได้ถึงชั้นเซลล์ นอกจากจะช่วยยกกระชับแล้วยังทำหน้าที่เร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่า และกระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่ทำให้ผิวดูกระจ่างใส และรูขุมขนกระชับอีกด้วย
Sygmalift Hifu ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง ?
เป็นเรื่องปกติที่เมื่อเราทุกคนมีอายุมากขึ้น หรือใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงที่คอยทำร้ายผิวอยู่เสมอ ทำให้เกิดทั้งปัญหารอยเหี่ยวย่น ริ้วรอย ใต้ตาไม่สดใส มีร่องแก้ม และอีกมากมาย ซึ่ง HIFU นี่เองที่จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้กับทุกคนได้อย่างครอบคลุม ดังนี้
- กระตุ้นคอลลาเจน ช่วยลดความหย่อนคล้อย
- แก้ไขปัญหาผิวไม่กระชับ
- ช่วยลดริ้วรอยรอบดวงตา แก้ไขปัญหาร่องแก้มลึก
- แก้ไขปัญหาหนังตาตก ดูไม่มีชีวิตชีวา
- ช่วยปรับกรอบหน้าให้กระชับ
- ลดเหนียงและชั้นไขมันบริเวณใต้คาง
- ช่วยกระชับผิวในส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้หลากหลาย
Sygmalift Hifu มีกระบวนการทำงานอย่างไร
เครื่อง HIFU จะทำงานโดยยิงคลื่นอัลตราซาวนด์ลงไปภายในชั้นผิวหนัง ด้วยระดับพลังงานที่สม่ำเสมอ ไม่ทำให้เกิดอันตราย ไม่ทำร้ายผิวหนัง จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเจ็บหรือเกิดแผลหลังจากทำเสร็จแล้ว โดยคลื่นดังกล่าวจะถูกยิงผ่านหัวยิง ซึ่งมีขนาดความลึกแตกต่างกันออกไปตามระดับของชั้นผิว ตั้งแต่ 1.5-4.5 มิลลิเมตร เพื่อให้เหมาะกับการแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด
วิธีเช็กเครื่อง Sygmalift Hifu แท้ปลอม
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในสมัยนี้มีสถานบริการ ซึ่งนำเอาเครื่อง HIFU ราคาถูกและไม่ได้มาตรฐานมาใช้ จนส่งผลข้างเคียงต่อผู้เข้ารับบริการ ทำให้หน้าไหม้ เป็นแผล เสี่ยงติดเชื้อ แต่ที่กังนัมคลินิกของเราจะเลือกใช้เครื่องมือที่ผ่านการรับรอง ซึ่งนำเข้าจากประเทศฝรั่งเศสเพื่อความปลอดภัย สำหรับใครที่อยากเช็กว่าเครื่องมือ HIFU เป็นของแท้หรือปลอม ก็สามารถนำเอาหลักการง่าย ๆ เหล่านี้ไปลองใช้กันดูได้เลย
- ตรวจสอบแหล่งที่มาของเครื่องมือในการทำ HIFU ว่ามีความน่าเชื่อถือ ตรวจสอบได้หรือไม่
- สังเกต Logo ของเครื่องมือว่าพิมพ์ถูกต้อง หรือมีจุดสังเกตที่ผิดปกติไปจากเดิมไหม
- มีเครื่องหมายรับรองความปลอดภัยหรือไม่
- ลดความเสี่ยงในการเจอเครื่อง HIFU ปลอม ด้วยการเข้ารับบริการกับกังนัมคลินิกซึ่งไว้ใจได้ มีมาตรฐาน
อายุไม่ถึง 25 ปีทำ Hifu ได้ไหม ?
HIFU เป็นนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาริ้วรอยและความหย่อนคล้อย ที่ทุกคนสามารถเข้ามาทำกันได้ตั้งแต่อายุไม่ถึง 25 ปี เพราะโดยธรรมชาติผิวหนังของคนเราจะเริ่มมีเปลี่ยนแปลงหลังเข้าสู่ช่วงอายุ 20 ปี ทำให้มีปัญหาร่องแก้ม เหนียง หรือความหย่อนคล้อยใต้ตาได้ ซึ่งถ้าปล่อยเอาไว้ก็จะยิ่งทำให้ปัญหาดังกล่าวทวีความรุนแรง เริ่มเห็นได้ชัด และมีปัญหาอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเพื่อช่วยให้ใบหน้ามีความกระชับ เรียวสวย และคงความอ่อนเยาว์อยู่เสมอ จึงควรเข้ามาทำ HIFU กันตั้งแต่เป็นวัยรุ่น ไม่ต้องกลัวเป็นอันตรายเพราะไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีผลข้างเคียง
Sygmalift Hifu ทำส่วนไหนได้บ้าง ?
การทำ Hifu สามารถช่วยยกกระชับและแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อย รวมถึงริ้วรอยต่าง ๆ ได้จากภายในชั้นผิวหนัง ซึ่งก็จะเลือกความลึกได้จากการปรับระดับหัวยิงที่ใช้ให้มีความเหมาะสม ซึ่งคนทั่วไปนิยมทำในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ดังนี้
- ผิวหนังทั่วบริเวณใบหน้า รวมถึงแก้ม ร่องปาก
- ลำคอ หรือช่วงที่มีเหนียง มีคางสองชั้น
- บริเวณหน้าผาก
- รอบดวงตา เปลือกตา หรือเน้นไปที่การทำ Hifu บริเวณผิวหนังใต้ตา
- หางคิ้ว
- ส่วนอื่น ๆ ที่มักจะมีความไม่กระชับและมีไขมันเซลลูไลท์ค่อนข้างเยอะ เช่น ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง ช่วงเอว หรือสะโพก
ข้อดีการทำ Hifu
- สามารถเข้ามาทำได้ตั้งแต่อายุน้อย ๆ เพราะเป็นหัตถการที่ไม่อันตราย ไม่ต้องพักฟื้น
- ทำ Hifu ร่วมกับหัตถการเพื่อดูแลและฟื้นฟูผิวอื่น ๆ ร่วมกันได้ ไม่มีผลข้างเคียง
- ช่วยแก้ไขปัญหาผิวหนังดูหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
- ช่วยปรับรูปหน้าให้เข้ารูป เรียวสวยได้ดีมากขึ้น
- ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง
- ลดเลือนริ้วรอย ร่องแก้ม รอยเหี่ยวย่นตามจุดต่าง ๆ
- ลดปัญหาใต้ตาหย่อนคล้อย ดูโทรม
- ช่วยให้ผิวมีความเต่งตึง ยืดหยุ่น แลดูสุขภาพดีมากขึ้น
- รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นทันทีหลังทำ Hifu
- ไม่ต้องทำการผ่าตัด
ข้อเสียการทำ Hifu
- การเข้ามาทำ Hifu ครั้งแรก อาจรู้สึกตึงหรือปวดเมื่อยใบหน้าได้ แต่จะหายไปเองในเวลาไม่นาน ไม่ต้องเป็นกังวล
- หากเครื่องมือที่ใช้ไม่ได้มาตรฐาน บวกกับแพทย์ขาดความชำนาญมากพอ ก็เสี่ยงต่อการเกิดปัญหา ทำให้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าที่ควร เสี่ยงหน้าไหม้ มีอาการแสบ บวมแดงอย่างรุนแรง หรือเกิดบาดแผลตามมาได้
Hifu เจ็บไหม ?
เนื่องจากการทำ Hifu คือการยิงคลื่นพลังงานอัลตราซาวนด์ลงไปภายในชั้นผิวหนังโดยไม่ต้องใช้เข็มฉีด ทั้งยังไม่ต้องผ่านกระบวนการผ่าตัด เพราะฉะนั้นจึงไม่ทำให้เจ็บมาก ไม่แสบร้อน แต่อาจมีอาการตึงหรือปวดชาเล็กน้อยได้เป็นปกติ เนื่องจากพลังงานดังกล่าวจะเข้าไปกระตุ้นลึกถึงชั้นเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ ส่งผลให้เกิดการยกกระชับ แต่จะไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดทรมานจนทนไม่ไหวแน่นอน
Hifu กี่วันเห็นผล ?
โดยปกติแล้วการทำ Hifu จะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง หรือรู้สึกตึงกระชับขึ้นได้ทันทีหลังจากทำเสร็จ แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากที่สุดนั้นจะสามารถเห็นได้ภายในระยะเวลา 2-3 เดือน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล รวมถึงระดับความรุนแรงของปัญหาริ้วรอยและความหย่อนคล้อยต่าง ๆ ประกอบกันด้วย นอกจากนั้นเครื่องมือที่ใช้ตลอดจนความชำนาญของแพทย์เองก็มีผลกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
ราคา Hifu ที่แตกต่างกันทั้งที่เรียก Hifu เหมือนกันเพราะอะไร? ควรเลือกแบบถูกหรือแบบแพง
จริงๆแล้วความแตกต่างอยู่ที่คลื่นพลังงานของเครื่อง Hifu ที่มีความคงอยู่ต่างกัน ทั้งนี้การทำ Hifu จะต้อง ทำบ่อยๆ เพราะเป็นการค่อยๆกระตุ้นคอลลาเจนให้สร้างใหม่ใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ซึ่ง ควรเลือกเครื่อง ที่ได้มาตรฐาน และเป็นเครื่องนวัตกรรมใหม่อย่าง Sygmalift ของกังนัมคลินิกที่ได้มาตรฐานอเมริกา ซึ่งมีคุณภาพมากกว่าเครื่องในเอเชียในราคาจับต้องได้เพื่อให้สามารถทำต่อเนื่องได้เรื่อยๆ เป็นการคงประสิทธิภาพและผลลัพธ์ที่ได้ และอีกสาเหตุที่ทำให้ราคาการทำ Hifu แตกต่างกันก็คือ บางแห่งใช้เครื่องราคาถูกที่มาจากจีน เกาหลี (มากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่ขายถูก เป็นเครื่องจากเอเชีย) ดังนั้นขอแนะนำว่าควรเลือกใช้เครื่องที่มีมาตรฐานแบบสากลเพื่อการเห็นผลที่ชัดเจน
Sygmalift Hifu รุ่น New Generation ดีอย่างไร
Sygmalift Hifu รุ่น New Generation คือเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนามาให้มีความเหนือชั้นแบบขั้นสุดของตระกูล Hifu สามารถปล่อยพลังงานคลื่นเสียงสูงถึง 1,000 ครั้งต่อวินาที โดยที่คนไข้จะไม่รู้สึกถึงความเจ็บใดๆในระหว่างทำ เหมือนกับ HIFU รุ่นอื่นๆ ที่ขณะทำจะให้ความรู้สึกเจ็บโดยเครื่อง Sygmalift Hifu จะมีการผสาน 3 เทคโนโลยีเข้าไว้เป็น1 เดียว
High Intensity Focused Ultrasound
เทคโนโลยี High Intensity Focused Ultrasound โหมด Dual Mode จะทำงานลงลึกถึงใต้ชั้นผิว ซึ่งจะไม่ทำให้รู้สึกเจ็บเหมือนการทำเลเซอร์กระชับรุ่นอื่นๆแน่นอน แต่คนไข้อาจจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอุ่นๆและมีผิวหนังแดงบ้างเล็กน้อยเท่านั้น
Low Level Laser Therapy (LLLT)
เทคโนโลยี Low Level Laser Therapy (LLLT) โหมดที่ช่วยเพิ่มออกซิเจน ให้กับเซลล์ผิว ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว เร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่า และ กระตุ้นการเกิดผิวใหม่ ดังนั้นจึงทำให้ผิวกระจ่างใสรูขุมขนกระชับไปพร้อมๆกับการยกกระชับในครั้งเดีว
Gold Based Ceramic Transducer
เทคโนโลยี Gold Based Ceramic Transducer เป็นนวัฒกรรมแหล่งกำเนิดคลื่นเสียงที่ผลิตขึ้นจากทองคำ เพื่อรักษาความเสถียรของพลังงานเลเซอร์ให้สามารถลงลึกถึงใต้ชั้นผิวได้อย่างแม่นยำ
Hifu กี่ไลน์เห็นผล ?
การจะรู้ได้ว่าทำ Hifu กี่ไลน์แล้วจะเห็นผลนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละคนว่ามีความลึกหรือหย่อนคล้อยมากน้อยแค่ไหน นอกจากนั้นก็ยังขึ้นอยู่กับชนิดของเครื่องมือที่ใช้ รวมถึงตำแหน่งที่ต้องการทำ Hifu ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วก็จะเริ่มต้นที่ประมาณ 100-200 ไลน์ไปจนถึงหลักพันไลน์ แนะนำให้ขอคำปรึกษาหรือปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
Hifu อยู่ได้กี่เดือน ?
หลังจากทำ Hifu แล้วผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะคงอยู่ไปอีกประมาณ 5-6 เดือนหรือมากถึง 1 ปี โดยระยะเวลาของผลลัพธ์ก็จะขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ของแต่ละบุคคลด้วย ดังนั้นทุกคนจึงสามารถเข้ามาทำ Hifu ได้ในทุก ๆ 2-3 เดือน และทำซ้ำประมาณ 3-5 ครั้ง (ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์) เพื่อช่วยให้ผิวเนียนกระชับ และคงความอ่อนเยาว์ให้อยู่กับทุกคนไปนาน ๆ นั่นเอง
Ulthera SPT vs Ultraformer vs Hifu ต่างกันอย่างไร
|
Ulthera SPT |
Ultraformer |
Hifu |
|
|
ลักษณะการทำงาน |
ทำงานด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์ที่มีความเข้มข้นสูงขนาดประมาณ 1 มิลลิเมตร ที่ความร้อนประมาณ 60-70 องศาเซลเซียส เรียงตัวเป็นเส้นตรง ลงลึกได้ถึงชั้น SMAS หรือปรับหัวยิงตามความเหมาะสม |
ทำงานด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์ที่มีความเข้มข้นสูง มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5-1 มิลลิเมตร ลงลึกได้ถึงชั้น SMAS หรือปรับหัวยิงตามความเหมาะสม |
ทำงานด้วยการยิงคลื่นอัลตราซาวนด์ที่มีความเข้มข้นสูง ขนาด 0.3-0.5 มิลลิเมตร (หรืออื่น ๆ ตามรุ่นของ Hifu) เข้าสู่ชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง ลงลึกได้ถึงชั้น SMAS หรือปรับหัวยิงตามความเหมาะสม |
|
คุณสมบัติเด่น |
มีประสิทธิภาพการทำงานที่ทันสมัย มองเห็นปัญหาผิวได้รวดเร็วแบบ Real Time ช่วยปรับระดับให้เข้ากับสภาพผิวของแต่ละบุคคลได้แม่นยำ |
ทำงานด้วยเทคโนโลยี Macrofocus ทำให้เห็นผลเร็ว คลื่นอัลตราซาวนด์เล็กกว่า Ulthera SPTทำให้เจ็บน้อยลง พลังงานสม่ำเสมอคงที่ มีความปลอดภัย ราคาไม่แพง |
มีความปลอดภัย มีเครื่องมือในการทำ Hifu หลากหลายรุ่น ช่วยยกกระชับและใช้เพื่อลดเรือนริ้วรอยได้ด้วย นอกจากนั้นความร้อนก็ยังไม่ทำให้เกิดแผล รอยไหม้ หรืออาการบวมแดงรุนแรง ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลเร็ว |
|
ผลลัพธ์ |
|
|
|
|
ระยะเวลาของผลลัพธ์ |
อยู่ได้นานประมาณ 1 ปี |
อยู่ได้นานประมาณ 6-10 เดือน |
อยู่ได้นานประมาณ 5-6 เดือน |
เครื่อง Hifu มีกี่แบบ
ในปัจจุบันเครื่องมือสำหรับทำ Hifu มีให้เลือกใช้ได้หลากหลาย ซึ่งก็จะแบ่งตามวิธีการทำงานหรือลักษณะของตัวเครื่องที่ใช้ โดยสามารถแบ่งออกเป็นหลายรูปแบบ ดังนี้
แบ่งตามรูปแบบการปล่อยพลังงาน
Single shot
มีลักษณะของหัวยิงคล้ายปากกา ส่งพลังงานเข้าสู่ชั้นผิวหนังในลักษณะของจุด เมื่อกด 1 ครั้ง ก็จะมีพลังงานออกมา 1 ช็อต หรือ 1 จุด
Line shot
มีลักษณะการทำงานโดยจะยิงพลังงานเป็นเส้น โดยใน 1 เส้นจะประกอบไปด้วยพลังงานที่เรียงกันประมาณ 15-25 จุด
แบ่งตามขนาดของหัวยิง
หัวยิงขนาดความลึก 1.5-2.0 มิลลิเมตร
ใช้เพื่อยิงลงไปบริเวณ Upper Dermis หรือผิวชั้นบน ช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยบนชั้นผิวที่ไม่ได้มีความลึก หรือไม่ได้เห็นชัดมากนัก
หัวยิงขนาดความลึก 3.0 มิลลิเมตร
ใช้เพื่อยิงลงไปบริเวณ Lower Dermis หรือผิวชั้นกลาง มีส่วนช่วยในการยกกระชับผิว กระตุ้นคอลลาเจน ทั้งยังช่วยลดไขมันเซลลูไลท์ได้เป็นอย่างดีด้วย
หัวยิงขนาดความลึก 4.5 มิลลิเมตร
ใช้เพื่อยิงลงไปบริเวณ SMAS หรือชั้นผิวซึ่งเป็นเยื่อกล้ามเนื้อ สามารถยกกระชับผิวหน้าและส่วนอื่น ๆ ที่ต้องการ ทั้งยังช่วยปรับกรอบหน้าให้เข้ารูป ไม่หย่อนคล้อย
แบ่งตามประเภทของเครื่องมือที่ใช้
Ulthera SPT
เป็นเครื่องมือในการยกกระชับที่มีประสิทธิภาพ ใช้พลังงานสูง สามารถมองเห็นปัญหาของผิวในแต่ละบุคคลได้ Real Time ทำให้ปรับระดับหรือรูปแบบในการทำ Hifu ให้เหมาะสม ตรงจุดได้มากขึ้น
Ultraformer III
เป็นอีกหนึ่งรุ่นของ Ultraformer ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้เครื่องมือตัวอื่น ๆ ทำงานด้วยระบบ macrofocus ที่มีรอบในการส่งพลังงานค่อนข้างไว
Sygmalift Hifu
เป็นหนึ่งในเครื่องมือในการทำ Hifu ซึ่งมั่นใจได้ในผลลัพธ์ มีเทคโนโลยี Fat remodeling ช่วยในการสลายไขมัน ไม่รู้สึกเจ็บในระหว่างทำ
การเตรียมตัวก่อนทำ HIFU
- ระมัดระวังไม่ทำให้ผิวในบริเวณที่ต้องการทำ Hifu เกิดรอยแผล หรือไหม้แดด
- งดเว้นจากการสูบบุหรี่และไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการทำงานของ Hifu
- งดรับประทานยาในกลุ่มแอสไพรินหรือวิตามินต่าง ๆ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
ข้อปฏิบัติหลังทำ Hifu
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือสถานที่ซึ่งมีความร้อนสูง
- สามารถออกกำลังกายได้ แต่ไม่ควรออกกำลังกายหนักจนเกินไป
- พยายามใช้ครีมกันแดดซึ่งมีความสามารถในการป้องกันรังสียูวีสูง ๆ
- สำหรับใครที่เพิ่งเคยทำ Hifu เป็นครั้งแรกอาจมีอาการตึงหรือบวมร่วมด้วย สามารถทานยาแก้ปวดหรือขอคำแนะนำจากแพทย์เพิ่มเติมได้
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- พักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงทานอาหารที่มีประโยชน์
- ไม่ควรถู นวด หรือขัดหน้าแรง ๆ
- ทาครีมบำรุงที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว
สามารถทำ Hifu ควบคู่กับหัตถการแบบอื่นได้หรือไม่
Hifu สามารถทำร่วมกับหัตถการแบบอื่นได้ เพื่อการดูแลผิวอย่างครบจบในทุกมิติและตรงจุดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการฉีดโบท็อกซ์ ร้อยไหม หรือฉีดฟิลเลอร์ โดยให้เว้นระยะห่างระหว่างการทำ Hifu กับหัตถการอื่น ๆ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อให้ Hifu ทำงานได้อย่างเต็มที่ก่อน หรือยึดตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นหลัก
ทำ Hifu ที่ไหนดี ควรเลือกอย่างไร ?
วิธีเลือกว่าควรจะเลือกทำ HIFU ที่ไหนดีก็เรียกได้ว่าเป็นทั้งเรื่องง่ายและเรื่องยาก เนื่องจากในสมัยนี้มีสถานบริการที่นำเอานวัตกรรมดังกล่าวมาใช้กันมากขึ้น เพราะฉะนั้นทุกคนไม่ควรตัดสินใจจากราคาโปรโมชันที่ล่อตาล่อใจ แต่ให้ทำการพิจารณาจากสิ่งเหล่านี้ก่อนทุกครั้ง เช่น
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตถูกต้อง และผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข
- เครื่องมือที่ใช้สภาพดีมีความทันสมัย เป็นของแท้และนำเข้ามาอย่างถูกต้อง มีคุณภาพ ปลอดภัย ตรวจสอบแหล่งที่มาได้
- แพทย์ผู้ให้บริการต้องมีความเชี่ยวชาญ และสามารถตรวจสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกับเว็บไซต์ของแพทยสภาได้
- มีประวัติการให้บริการเป็นเวลานาน สามารถตรวจสอบการดำเนินกิจการได้จริง
- คลินิกมีความสะอาด มีบริการที่เป็นมิตร ให้คำปรึกษาได้เป็นอย่างดี
- มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล พูดจาดี รวมถึงมีช่องทางการติดต่อที่หลากหลาย ติดต่อได้จริง
- มีสาขาครอบคลุมหลากหลายพื้นที่ เพื่อความสะดวกสบายในการเข้ารับบริการ
สำหรับใครซึ่งกำลังตามหาสถานบริการที่สามารถตอบโจทย์ได้ครบในทุกข้อที่กล่าวไป ก็ห้ามพลาดที่จะเข้ามาขอคำปรึกษาหรือเลือกทำ Hifu กันกับกังนัมคลินิกของเรา เพราะนอกจากเราจะใช้เครื่องมือทันสมัย มีคุณภาพ นำเข้ามาอย่างถูกต้องจนทำให้มั่นใจได้ในผลลัพธ์ได้แล้ว ก็ยังมีประสบการณ์ยาวนาน รับประกันว่าทุกคนจะได้รับการบริการจากผู้เชี่ยวชาญ และได้รับการดูแลด้วยความใส่ใจอย่างแน่นอน
เลือกทำ Hifu ที่กังนัมคลินิกดีไหม ราคาเท่าไหร่
ราคาในการทำ Hifu ของกังนัมคลินิกจะแตกต่างกันออกไปตามประเภทของเครื่องมือที่ใช้ และจำนวนคลิก ช็อต หรือไลน์ที่ใช้ โดยจะมีรายละเอียดดังนี้
ราคาการทำ Sygmalift Hifu
- คลิก ราคา 2,990 บาท
- คลิก ราคา 8,990 บาท
- คลิก ราคา 14,990 บาท
ราคาการทำ Ultraformer III
- 100 line ราคา 2,990 บาท
- 300 line ราคา 7,990 บาท
- 650 line ราคา 16,990 บาท
- 1,100 line ราคา 25,990 บาท
สรุป Hifu นวัตกรรมยกกระชับ
การทำ Hifu ถือเป็นนวัตกรรมสำหรับการยกกระชับ ซึ่งใช้พลังงานในรูปแบบของคลื่นอัลตราซาวนด์เข้าไปกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ช่วยปรับกรอบหน้า ลดความหย่อนคล้อย และแก้ไขปัญหาริ้วรอยในบริเวณที่ต้องการได้ดี มีความปลอดภัย ไม่ต้องทำการผ่าตัดหรือใช้เข็ม เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น สามารถทำได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ทั้งยังสามารถทำซ้ำได้บ่อย ๆ ตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ เพื่อคงความอ่อนเยาว์ให้อยู่ไปนาน ๆ ได้ด้วยนั่นเอง