เทรนด์ความงามที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา หากจะต้องเลือกหัตถการหรือการศัลยกรรมอะไรสักอย่าง อาจต้องพิจารณาให้ดี เพราะหากตัดใจแล้วอาจย้อนกลับมาไม่ได้แล้ว และหนึ่งหัตถการที่สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเราได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องพักฟื้น และยังสามารถสลายได้เอง นั่นก็คือการฉีดฟิลเลอร์ วันนี้กังนัมคลินิก ขอพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับการฉีดฟิลเลอร์ปาก จุดที่เป็นที่นิยมมากที่สุด ฉีดครั้งแรกต้องรู้อะไรบ้าง รวมให้ครบทุกเรื่องที่มือใหม่ต้องรู้!
ฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยอะไรบ้าง?
นอกจากการฉีดฟิลเลอร์ปาก จะช่วยเติมร่องปากให้ดูตื้นขึ้นแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ปากยังสามารถช่วยปรับให้มีทรงปากสวยตามแบบที่ต้องการและเหมาะกับเทรนด์ความงามที่นิยมในขณะนั้น รวมถึงสามารถยกมุมปากที่ตกให้ใบหน้าสดใส ไม่ดูดุได้อีกด้วย
ฉีดฟิลเลอร์ปาก ใช้กี่ CC
ปริมาณการใช้ฟิลเลอร์ที่เหมาะสำหรับฉีดปากจะอยู่ 1 CC ซึ่งถือเป็นปริมาณที่สามารถเห็นถืงผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน แต่อาจมีบางกรณีที่อาจต้องใช้ 2 CC ยกตัวอย่างเคสที่มีปัญหาปากบางมากิ ๆ หรือเคสที่ต้องการมีทรงปากที่อวบอิ่มแบบสายฝอ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาเพิ่มเติมจากการแพทย์ที่ทำการรักษา
ฉีดฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดี?
Restylane
สารเติมเต็มกลุ่มไฮยาลูรอนิก เอซิดจากประเทศสวีเดน เป็นสารที่มีความใกล้เคียงกับไฮยาลูลอนิก เอซิดที่อยู่ในร่างกายของมนุษย์ด้วย 2 เทคโนโลยี NASHA techology และ OBT technology ที่มีโมกุลแตกต่างกันจึงทำให้ไข้ปัญหาบนใบหน้าได้ทุกบริเวณ โดยมี 2 รุ่นที่เหมาะกับการฉีดปากดังนี้
- Restylane Kysse เป็นรุ่นที่ถูกผลิตมาสำหรับการเฉพาะ สามารถขึ้นรูปทรงปากได้ดี และยังช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก เนื้อนิ่มกลืนกับผิวได้ดี ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 12 เดือน
- Restylane Defyne เป็นรุ่นที่เนื้อนุ่ม แต่ขึ้นรูปทรง จึงได้รับความนิยมและถูกนำมาใช้ในการฉีดปาก นอกจากนี้ยังสามารถฉีดเพื่อเติมบริเวณอื่น ๆ ได้ เช่น ขมับ คาง เป็นต้น ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 12 เดือน
Juvederm
สารเติมเต็มกลุ่มไฮยาลูรอนิก เอซิดจากประเทศสหรัฐอเมริกา จุดเด่นของฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้คือเทคโนโลยีที่ใช้ คือ Hylacross ที่มีความยืดหยุ่นสูง ชุ่มชื้น และเรียบเนียยนไปกับผิว และ Vycross เด่นในเรื่องการยกกระชับ และเพิ่มวอลุ่ม ด้วยคุณสมบัติที่หลากหลายจึงเหมาะกับการแก้ไข และเติมเต็มทุกส่วนของใบหน้า โดยมี 3 รุ่นที่เหมาะกับการฉีดปากดังนี้
- Juvederm Volite เป็นรุ่นที่เนื้อมีความบางเบาและเรียบเนียน เหมาะกับการฉีดในบริเวณที่มีผิวบอบบาง ช่วยเพิ่มวอลุ่มและชุ่มชื้น จึงถูกนำมาใช้สำหรับการฉีดปาก ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 12 เดือน
- Juvederm Voluma เป็นรุ่นที่เนื้อมีความหนาแน่น ยึดเกาะได้ดี ถูกผลิตมาเพื่อวอลุ่มให้ใบหน้าดีมิติมากขึ้น ด้วยคุณสมบัติการเพิ่มวอลุ่ม จึงนิยมมาใช้ในการฉีดปากให้ดูอิ่มฟูมากขึ้น ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 18 เดือน
- Juvederm Volift เป็นรุ่นที่เนื้อมีความละเอียดและบางเบา เนื้อเรียบเนียน ไม่เป็นก้อน จึงเหมาะกับการเติมร่องริมฝีปากให้ดูอิ่มฟูมากขึ้น ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 12 เดือน
การดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
การดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานยิ่งขึ้น เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารไฮยาลูรอนิกเป็นสารที่อุ้มน้ำได้ดี จึงควรดื่มน้ำให้มาก ๆ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร และไม่ควรจับ หรือบีบ บริเวณที่ฉีด เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เสียรูปทรงได้
ฉีดฟิลเลอร์ปาก กี่วันถึงเห็นผล
หลังการฉีดฟิลเลอร์ปากจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ทันที และภายใน 1 สัปดาห์หลังการฉีดจะเริ่มปากเป็นทรงมากขึ้น
ราคา โปรโมชั่นฟิลเลอร์ปาก ที่กังนัมคลินิก
ราคาฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้ออาจมีราคาแตกต่างกันขึ้นอยู่ประสิทธิภาพและระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์ ซึ่งมีราคาดังต่อไปนี้
Restylane
Restylane Kysse
อยู่ได้นานถึง 12 เดือน
ราคา 13,693 – 15,000 บาท
Restylane Defyne
อยู่ได้นานถึง 12 เดือน
ราคา 11,000 – 12,000 บาท
Juvederm
Juvederm Volite
อยู่ได้นานถึง 12 เดือน
ราคา 12,000 – 13,000 บาท
Juvederm Voluma
อยู่ได้นานถึง 18 เดือน
ราคา 12,000 – 13,000 บาท
Juvederm Volift
อยู่ได้นานถึง 12 เดือน
ราคา 12,000 – 13,000 บาท
สรุปมือใหม่ต้องรู้! ฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม? ฉีดครั้งแรกต้องรู้อะไรบ้าง?
การฉีดฟิลเลอร์ปาก คือการฉีดสารเติมที่กลุ่มไฮยาลูรอนิค เอซิด (HA) เข้าไปที่บริเวณริมฝีปาก เพื่อเพิ่มวอลุ่มให้ปากดูเต็มและดูเป็นทรงในแบบที่ต้องการ และยังหัตถการที่มีความเจ็บน้อยและสามารถทนได้ หากเทียบกับผลลัพธ์ที่ได้ จึงถือเป็นหัตถการที่ควรลงทุนนั่นเอง
สำหรับคนที่สนใจโปรโมชั่นหรือข้อมูลหัตถการต่างๆสามารถแอดไลน์@gangnamclinicและช่องทางFacebook เพื่อสอบถามโปรโมชั่นเพิ่มเติมและสามารถเข้ามาปรึกษาหมอฟรีที่กังนัมคลินิกใกล้บ้านคุณโดยไม่มีค่าใช้จ่าย