หลายคนอาจเคยได้ยินฟิลเลอร์ยี่ห้อ Volifil และอาจเคยได้ทราบถึงข้อมูลทั่วไปของ Volifil มาแล้ว อะไรที่ทำให้ฟิลเลอร์ยี่ห้อดังกล่าวแตกต่างจากยี่ห้ออื่น ติดตามได้ที่บทความนี้เลย
ฟิลเลอร์แบ่งออกเป็นกี่ประเภท
การที่จะเทียบฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อว่าแตกต่างกันอย่างไร ก่อนอื่นควรทำความเข้าใจว่าประเภทของฟิลเลอร์นั้นมีกี่ประเภท ซึ่งฟิลเลอร์จะแบ่งเป็น 2 ประเภทด้วยกัน โดยแบ่งตามเนื้อเจล ดังนี้
- Biphasic คือฟิลเลอร์ที่มี HA อยู่สองโมเลกุล จับตัวกันด้วยพันธะพิเศษทำให้เนื้อเจลมีความแข็งแรง ขึ้นรูปคงตัว อยู่ได้นาน เหมาะกับการ Lifting หรือ พยุงเส้นเอ็น แต่มีข้อสังเกตคืออาจทำให้ฉีดแล้วมีโอกาสเป็นก้อน ดูไม่เป็นธรรมชาติ ทั้งนี้การที่จะฟิลเลอร์เป็นก้อนหรือไม่ จะขึ้นอยู่กับผิวของคนไข้ด้วย แต่ถ้าหากฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เลือกตำแหน่งและสอดคล้องกับปัญหาของคนไข้ ผลลัพธ์ก็จะออกมาดี ดูเป็นธรรมชาติได้เช่นกัน
- Monophasic คือฟิลเลอร์ที่มี HA เนื้อเดียว จึงเกลี่ยได้ง่าย กลืนไปกับผิวได้ดี ให้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับการใช้สำหรับเพิ่มปริมาตรให้แก่ผิวหนัง รวมไปถึงเติมเต็มริ้วรอยได้อย่างดี เช่น เติมหน้าแก้ม เติมกระดูกใต้ตา เป็นต้น
Volifil คืออะไร
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Volifil เป็นแบรนด์จากประเทศเกาหลีใต้ ผลิตโดยบริษัท BNC Korea ที่ใช้เทคโนโลยีเฉพาะของบริษัทอย่าง HCCL และเทคโนโลยีสิทธิบัตรขั้นสูง PP Process ทำให้ได้ฟิลเลอร์ที่มี HA บริสุทธิ์สูง สามารถกระจายตัวได้ดี ไม่เป็นก้อนหลังฉีด ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
Volifil ต่างกับฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นยังไง
ฟิลเลอร์ Volifil มีจุดเด่นอยู่ด้วยกัน 4 ข้อที่ทำให้แตกต่างกับยี่ห้ออื่น มีดังนี้
ผ่านมาตรฐาน CE
ฟิลเลอร์ Volifil ได้ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยในสหภาพยุโรป หรือ CE (Conformite Europeene) ที่สามารถจัดจำหน่ายได้ 30 ประเทศในเขตเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งในวงการเครื่องมือทางการแพทย์ทราบกันดีว่า การที่จะได้มาตรฐาน CE เป็นเรื่องที่ยากมาก ต้องผ่านการตรวจหลากหลายขั้นตอนอย่างเข้มงวด คนไข้สามารถมั่นใจได้เลยว่า ถ้า Volifil ได้ผ่านมาตรฐาน CE แล้ว ฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้มีความปลอดภัยอย่างแน่นอน
ได้รับการรับรองจาก FDA DMF และ EDQM
ฟิลเลอร์จะมี HA (Hyaluronic Acid) เป็นส่วนประกอบหลัก สาร HA นิยมนำมาเป็นส่วนผสมในสกินแคร์หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลาย ๆ ยี่ห้อ แต่ HA ที่อยู่ในตัวฟิลเลอร์นั้นจะเป็นเกรดตัวยาทางการแพทย์เท่านั้น ซึ่งจะต้องมีความบริสุทธิ์ ไม่มีสารปนเปื้อน ไม่อันตรายต่อมนุษย์ จึงมีความปลอดภัยสูง Volifil ได้รับรองมาตรฐานความปลอดภัยจาก FDA (Food and Drug Administration), DMF (Drug Master Files) และ EDQM (European Directorate for the Quality of Medicines & HealthCare) ที่เป็นองค์กรมาตรฐานในระดับสากล
เทคโนโลยี HCCL
ฟิลเลอร์ Volifil ผลิตด้วยเทคโนโลยี HCCL ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของบริษัท BNC Korea แล้วแตกต่างจากเทคโนโลยีอื่นยังไง เรามาทำความเข้าใจการผลิตฟิลเลอร์เบื้องต้นก่อน
โดยปกติแล้ว HA ในฟิลเลอร์จะก่อตัวเป็นเนื้อเจลที่คงทน สลายตัวช้า อยู่ได้นาน ต้องผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Cross Linked โดยใส่สารชื่อว่า BDDE (Butanediol Diglycidyl Ether) เพื่อสร้างพันธะ ยิ่งเพิ่มสารตัวดังกล่าวมาก โมเลกุลจะจับตัวกันแน่นขึ้น แต่การเพิ่ม BDDE มากเกินไป จะทำให้เกิด BDDE ส่วนเกินที่ไม่ได้ถูกนำไปใช้ ส่วนเกินดังกล่าวจะกลายเป็นสารตกค้างอยู่ในชั้นผิว ทำให้เกิดการแพ้จนเกิดการอักเสบตามมาในที่สุด
เทคโนโลยี HCCL (Highly Completed Cross-Linking) เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงในการสร้าง Cross Linked โดยการใช้ BDDE ให้น้อยลง ทำให้ตัวฟิลเลอร์ที่ได้ไม่เกิด BDDE ส่วนเกิน ลดโอกาสการเกิดอาการอักเสบหลังฉีดฟิลเลอร์ จะได้เนื้อเจลที่เรียบเนียน ไม่เป็นก้อน เกาะตัวได้ดี เหมาะกับการเติมเต็มเพิ่มปริมาตรให้แก่ผิว ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
เทคโนโลยี PP Process
ฟิลเลอร์ Volifil ยังผลิตด้วยเทคโนโลยี PP Process (Particle Plastic Process) ที่จะทำให้โมเลกุลในฟิลเลอร์มีขนาดเท่ากันอย่างสม่ำเสมอ จึงได้เนื้อเจลที่มีความเรียบเนียน ละเอียด ไม่เป็นก้อน กลืนไปกับผิวได้ดี เวลาฉีดฟิลเลอร์เข้าผิวสามารถดันยาเข้าผิวได้ง่าย ปล่อยยาได้แม่นยำมากขึ้น
Volifil มีกี่รุ่น ต่างกันอย่างไร
Volifil มีอยู่ด้วยกัน 3 รุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นจะใช้ในวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน เนื้อฟิลเลอร์ก็ต่างกันด้วย โดยทั้ง 3 รุ่น มีดังนี้
- Volifil Classic กล่องสีทอง ฟิลเลอร์มีลักษณะนิ่ม ละเอียด กลืนไปกับผิวได้ดี เหมาะกับการเติมผิวช้นตื้น เช่น ร่องแก้มช้นตื้น ร่องน้ำหมากชั้นตื้น ใต้ตา หน้าผาก ฉีดปากในผู้ที่มีเนื้อปากเดิม เพิ่มความชุ่มชื้นแก้ปัญหาปากแห้ง ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- Volifil Deep กล่องสีชมพู ฟิลเลอร์มีลักษณะแข็งปานกลาง มีความยืดหยุ่น กลืนกับผิวได้ดี เหมาะกับการเติมผิวในชั้นไขมัน เติมชั้นลึกในผู้ที่มีผิวบาง นิยมใช้เติมริมฝีปาก ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ใต้ตาชั้นลึกได้อย่างดี ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
- Volifil รุ่น SubQ กล่องสีเทา ฟิลเลอร์มีลักษณะเนื้อแข็งและคงตัวที่สุดใน 3 รุ่น ขึ้นทรงได้ดี สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัด เหมาะกับการฉีดผิวชั้นลึก การเติมปริมาตรและเติมพยุงเส้นเอ็น ใช้ฉีดบริเวณคาง ขมับ หน้าแก้ม กรอบหน้า รวมไปถึงการเติมปากให้เด่นชัดในผู้ที่ปากบางมาก ๆ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 9-12 เดือน
เปรียบเทียบ Volifil กับยี่ห้ออื่น
ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นจะใช้แก้ไขปัญหาผิวที่คล้ายกัน โดยฟิลเลอร์ที่เนื้อละเอียดจะใช้กับผิวชั้นตื้น ฟิลเลอร์เนื้อแข็งขึ้นมาหน่อยจะใช้ฉีดกับผิวชั้นลึก แต่จะมีจุดแตกต่างบางประการก็คือ เทคโนโลยีการผลิตของแต่ละยี่ห้อ ซึ่งจะส่งผลต่อความละเอียดของฟิลเลอร์ ความคงทน จนไปถึงระยะเวลาของผลลัพธ์ ทางเราจึงยกตัวอย่างความแตกต่างของ Volifil กับยี่ห้ออื่น ดังนี้
Volifil กับ Juvederm
Juvederm เป็นฟิลเลอร์ที่ผลิตโดยบริษัท Allergan จากประเทศสหรัฐอเมริกา เจ้าของเดียวกับโบท็อกซ์ Allergan ตัวฟิลเลอร์ถูกออกแบบให้มีส่วนผสมของยาชา ผลิตโดยเทคโนโลยี Hylacross และ Vycross ทำให้ได้ตัวยาที่มีโมเลกุลแน่น มีความยืดหยุ่นสูง ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 1 ปี มีราคาสูงกว่า Volifil
Volifil กับ Restylane
Restylane เป็นฟิลเลอร์ที่ผลิตโดยบริษัท Galderma จากประเทศสวีเดน ผลิตด้วยเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะ 2 เทคโนโลยีด้วยกัน คือ NASHA (Non-Animal Stabilized Hyaluronic Acid) และ OBT (Optimal Balance Technology) จึงได้ฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง นิยมใช้ในจุดที่ต้องการความแม่นยำ ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า Volifil แต่ราคาแพงกว่าเทียบเท่ากับ Juvederm เลย
Volifil กับ Belotero
Belotero เป็นฟิลเลอร์ที่ผลิตโดยบริษัท Merz Aesthetics จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ใช้เทคโนโลยี CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ในการผลิต ฟิลเลอร์ที่ได้จะมีความละเอียด ขึ้นทรงได้สวยงาม ยังมีรุ่น Belotero Revive ที่ผสมกันระหว่าง HA กับ Glycerol ช่วยให้ผิวมีความฉ่ำวาว ดูอิ่มน้ำ ซึ่ง Volifil ไม่มีรุ่นที่มีคุณสมบัติเช่นนั้น
Volifil กับ Definisse
Definisse เป็นฟิลเลอร์ที่ผลิตโดยบริษัท Relife Company จากประเทศอิตาลี ใช้เทคโนโลยีเฉพาะชื่อว่า XTR™ Technology (eXcellent Three-Dimensional Reticulation) ที่จะทำให้ HA สานกันเป็นแห ทำให้ช่วยปรับรูปหน้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ ยึดตัวกับชั้นผิวได้ดี ลดโอกาสการบวมน้ำหลังฉีดฟิลเลอร์ ส่วน Volifil ไม่มีคุณสมบัติเช่นนั้น
Volifil กับ Neuramis
Neuramis เป็นฟิลเลอร์ที่ผลิตโดยบริษัท Medytox Inc. จากประเทศเกาหลีใต้ ถูกผลิตด้วย SHAPE Technology (Stabilized Hyaluronic Acid & Purification Enhacement) ช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น มีความยืดหยุ่นสูง ราคาสามารถเข้าถึงง่าย ราคาใกล้เคียงกับ Volifil แต่ Volifil จะอยู่ได้นานกว่าและฉีดได้หลากหลายจุดกว่า
Volifil กับ Flore
Flore เป็นฟิลเลอร์ที่ผลิตโดยบริษัท BNC Korea จากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกันกับ Volifil ใช้เทคโนโลยี HCCL และ PP Process ในการผลิตเหมือนกัน Flore จะแบ่งออกเป็น 5 รุ่น ต่างจาก Volifil มีเพียงแค่ 3 รุ่นเท่านั้น
สรุปVolifil ต่างกับฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่นยังไง บทความนี้มีคำตอบให้
Volifil เป็นฟิลเลอร์จากประเทศเกาหลีใต้ ผลิตโดยเทคโนโลยีเฉพาะของบริษัท BNC Korea อย่าง HCCL และเทคโนโลยีสิทธิบัตรขั้นสูง PP Process ผลลัพธ์ที่ได้จึงมีความปลอดภัยสูง ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ได้รับรองมาตรฐานความปลอดภัยในระดับโลกและได้รับ CE Mark ซึ่งกว่าจะได้มาต้องตรวจสอบกันหลายขั้นตอนมาก ดังนั้น Volifil จึงเป็นฟิลเลอร์ที่มีความโดดเด่นกว่ายี่ห้ออื่นในเรื่องเทคโนโลยีการผลิตและการได้รับมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก