ฉีดแฟต หรือ Meso Fat คืออะไร? ฉีดสลายไขมันจุดไหนได้บ้าง? อยู่ได้นานไหม?

การฉีดเมโสแฟตหรือฉีดแฟต คือ หัตถการเสริมความงามอันเป็นที่นิยมอันดับต้น ๆ โดยเมโสแฟตคือหนึ่งในวิธีที่ช่วยกำจัดไขมันสะสมส่วนเกินที่ในบางบริเวณลดได้ยากหรือลดไม่ลง เมโสแฟตก็จะเป็นตัวช่วยลดให้เห็นผลลัพธ์ได้ไวมากยิ่งขึ้น ซึ่งหัตถการนี้สามารถทำได้ในหลายบริเวณตามร่างกายและกับบุคคลทั่วไป

ฉีดเมโสแฟตคืออะไร?

เมโสแฟต (Meso Fat) หรือการฉีดสลายไขมัน คือ หัตถการที่ใช้ตัวยาฉีดเพื่อช่วยลดสัดส่วนไขมันส่วนเกิน โดยสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นหรือผ่าตัดให้เจ็บตัว และปลอดภัยสูง ซึ่งในบริเวณที่นิยมฉีดคือแก้มและเหนียงเพื่อเป็นการกระชับใบหน้าให้ดูเรียวเล็ก และสำหรับบริเวณที่มักมีไขมันสะสมเป็นจำนวนมากตามร่างกาย คือ หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา และน่อง

กระบวนการทำงานของเมโสแฟต

เมโสแฟตมีหลักการทำงานผ่านการใช้ตัวยาเข้าไปช่วยให้ไขมันแตกตัวและสลายจนถูกขับออกจากร่างกายผ่านระบบขับถ่าย ทำให้ไขมันบริเวณที่ฉีดมีปริมาณลดน้อยลง โดยมีสารออกฤทธิ์เป็นหลัก คือ

Artichoke Extract

ช่วยลดการสร้างกรดไขมันและระดับไขมันแบบเฉพาะจุด

Mesostabyl

ช่วยลดการเกิดเซลล์ไขมันใหม่ และยับยั้งคลอเลสตอรอลในชั้นเนื้อเยื่อ

L-Carnitine

ช่วยเร่งเผาผลาญไขมันให้สลายไปและดึงไขมันไปสร้างเป็นพลังงาน ลดการสะสมของไขมันส่วนเกิน

Tyrosine

ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ฉีดเมโสแฟตกี่วันเห็นผล?

จะเห็นผลชัดเจนในประมาณ 1-3 สัปดาห์ โดยขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันและพฤติกรรมในการบริโภคของแต่ละคนด้วย

การฉีดเมโสแฟตเหมาะกับใคร?

คนที่ต้องการลดสัดส่วนไขมันตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายโดยสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว หรือคนที่มีปัญหาออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารแล้วแต่บริเวณที่ต้องการลดยังคงลดได้ยาก

ฉีดเมโสแฟต กับ ดูดไขมันหน้า ต่างกันอย่างไร?

แม้ว่าการฉีดเมโสแฟตและดูดไขมันหน้าจะเป็นหัตถการความงามที่เกี่ยวข้องกับการลดไขมันสะสมส่วนเกินเหมือนกัน แต่วิธีการและหลักการทำงานย่อมแตกต่างกัน โดยการฉีดเมโสแฟต คือ การใช้ตัวยาเข้าไปช่วยสลายไขมัน ในขณะที่การดูดไขมันหน้านั้นถือเป็นอีกรูปแบบของการผ่าตัดศัลยกรรมไขมันส่วนเกิน เพราะจำเป็นต้องมีทีมแพทย์เข้ามาดูแล โดยจะทำการสอดท่อเข้าไปในรอยเจาะเล็ก ๆ เพื่อดูดไขมันที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนัง ซึ่งจะมีอาการเจ็บและบวมช้ำเมื่อทำเสร็จแต่สามารถเห็นผลลัพธ์ชัดเจนได้ในทันที

ข้อดี-ข้อเสีย ของเมโสแฟตมีอะไรบ้าง?

ข้อดี

ข้อเสีย

เห็นผลชัดเจนและรวดเร็ว 1-3 สัปดาห์

 

ไม่เหมาะกับคนที่มีปริมาณไขมันสะสมมากเกิน

มีอาการบวมช้ำน้อย ไม่ต้องเจ็บตัวเหมือนผ่าตัด

ต้องระมัดระวังตัวยาปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงผู้ที่ขาดความเชี่ยวชาญในการทำหัตถการ

มีความปลอดภัยสูง

หญิงที่กำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตรไม่สามารถฉีดเมโสแฟตได้

ใช้เวลาในการฉีดไม่นาน

ผลลัพธ์ไม่อยู่ถาวร ควรฉีดซ้ำเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การเตรียมตัวก่อนฉีดเมโสแฟต

  • หาข้อมูลคลินิกที่น่าเชื่อถือ ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองอย่างถูกต้อง
  • ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการประเมินผลลัพธ์ให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยที่สุด
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก่อนวันเข้ารับหัตถการ
  • งดยาแอสไพริน ยาต้านการแข็งตัวของเลือด วิตามิน และอาหารเสริม อย่างน้อย 2 วัน ก่อนเข้ารับหัตถการ
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 วัน ก่อนเข้ารับหัตถการ
  • แจ้งโรคประจำตัวและประวัติการแพ้ยากับทางแพทย์

เมโสแฟต ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?

ฉีดแฟต ลดแก้ม

เหมาะกับ: ผู้ที่มีแก้มเยอะ แก้มยุ้ย ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก

ฉีดแฟต ลดเหนียง

เหมาะกับ: ผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณเหนียงเยอะ มีคางสองชั้น หรือผู้ที่ออกกำลังกายลดน้ำหนักแล้วแต่ยังคงมีเหนียงอยู่ ต้องการให้ไขมันบริเวณเหนียงลดลงอย่างชัดเจนและรวดเร็ว

ฉีดแฟต ลดไขมันหน้าท้อง

เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการลดไขมันหน้าท้อง ลดพุง โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีเวลาพักฟื้น และผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง แต่ไม่มาก BMI น้อยกว่า 35 หรือมีไขมันมากแต่มีงบประมาณจำกัด

ฉีดแฟต สลายไขมันต้นแขนและต้นขา

เหมาะกับ: ผู้ที่มีไขมันสะสมจนเกิดความหย่อนคล้อย ไม่กระชับเต่งตึง เป็นเซลลูไลท์ ผิวเป็นคลื่น ผิวไม่เรียบ ในบริเวณต้นแขนและต้นขา ควรฉีด 4-5 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน

ฉีดแฟต ลดน่อง

เหมาะกับ: ผู้ที่ต้องการลดสัดส่วนให้ขาดูเรียวสวยได้รูปมากขึ้น หรือผู้ที่มีอาชีพนางแบบ รวมถึงผู้ที่ต้องการลดต้นขาแต่พยายามออกกำลังกายแล้วไม่เห็นผล

หลังฉีดเมโสแฟตดูแลตัวเองอย่างไร

โดยปกติแล้วหลังการฉีดเมโสแฟตจะมีรอยจากเข็ม และรอยบวมจากตัวยาประมาณ 1-3 ชั่วโมงแรก จากนั้นจะค่อย ๆ ยุบตัวลง ซึ่งควรดูแลตัวเองหลังจากนี้ ดังนี้

ดื่มน้ำ

การดื่มน้ำเปล่าจะช่วยลดบวมและขับไขมันออกจากร่างกายผ่านระบบขับถ่าย ดังนั้นควรดื่มน้ำให้มากโดยอย่างยิ่งในชั่วโมงแรกหลังฉีดเพื่อผลลัพธ์ที่ดี

ประคบเย็น

การประคบเย็นบริเวณที่ฉีดจะช่วยลดอาการบวมและรอยช้ำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน

ลดอาหารที่มีไขมันหรือน้ำตาลปริมาณมาก เนื่องจากจะทำให้เกิดการสะสมของไขมันใหม่ในร่างกายเรื่อย ๆ ทำให้ผลลัพธ์อาจไม่ดีเท่าที่ควร

หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีความร้อนสูง

การอบซาวน่า การอาบแดด อาจกระตุ้นให้มีอาการบวมช้ำมากขึ้นหรือหายช้าลงได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงประมาณ 1 สัปดาห์

งดขัดหน้า

ควรงดการทำทรีตเมนท์บริเวณใบหน้า รวมถึงกิจกรรมว่ายน้ำประมาณ 2 วัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ประมาณ 1 สัปดาห์

หลังฉีดเมโสแฟตกี่ครั้งเห็นผล

ในเคสที่มีไขมันมากอาจฉีดเมโสแฟต 4-5 ครั้งอย่างต่อเนื่อง จะช่วยทำให้ผลลัพธ์ชัดเจนและมีระยะเวลานานมากขึ้น โดยควรเว้นระยะห่างประมาณ 2-3 สัปดาห์ หรือตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยทำให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ฉีดเมโสแฟตอยู่ได้นานกี่เดือน

โดยทั่วไปแล้วจะอยู่ได้นาน 2-3 เดือน ทั้งนี้พฤติกรรมการบริโภคย่อมเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญด้วยที่จะช่วยรักษาประสิทธิภาพของเมโสแฟตให้มีผลลัพธ์ที่นานมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูงร่วมด้วย

เมโสแฟตอันตรายไหม?

        เมโสแฟตเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและไม่เป็นอันตราย หากแต่ต้องระมัดระวังตัวยาที่ใช้เนื่องจากมีของลอกเลียนแบบไม่ได้มาตรฐาน รวมไปถึงการใช้ยาผิดประเภทมาใช้ในการฉีด เช่น สารสเตียรอยด์ (Steroid) และยาสลายฟิลเลอร์ (Hyaluronidase) ที่อาจส่งผลอันตราย และควรพิจารณาคลินิกที่มีความปลอดภัยสามารถไว้วางใจได้

ฉีดเมโสแฟต เจ็บไหม?

  การฉีดเมโสแฟตจะมีอาการเจ็บเพียงเล็กน้อยในขณะที่เดินยาเท่านั้น โดยบริเวณที่ส่วนมากผู้คนมักจะฉีดคือกรอบหน้าและเนื้อใต้คางซึ่งไม่ใช่ผิวเนื้ออ่อน ดังนั้นความเจ็บที่เกิดขึ้นจะอยู่ในระดับที่สามารถทนได้ ทั้งนี้สำหรับคนที่กลัวเจ็บจะมีวิธีลดความเจ็บ ดังนี้

  • ประคบน้ำแข็ง: ทำให้ผิวบริเวณนั้นเย็นจนเกิดเป็นอาการชาก็จะช่วยคลายความรู้สึกลงได้
  • ทายาชา: ในกรณีที่ผู้เข้ารับหัตถการมีความกังวล แพทย์สามารถทายาชาในบริเวณที่ต้องการฉีดให้ได้

อาการหลังฉีดเมโสแฟต

อาการบวมบริเวณที่ทำการฉีดเมโสแฟตถือเป็นเรื่องปกติ โดยจะเกิดขึ้นประมาณ 3-4 ชั่วโมงแรกและเริ่มยุบตัวลง ซึ่งปัจจุบันมีตัวยาบางยี่ห้อที่ช่วยในเรื่องลดบวมอยู่ด้วย ดังนั้นอาการบวมจะเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เมโสแฟต กับ โบท็อกซ์ ต่างกันอย่างไร

แม้ว่าเมโสแฟตและโบท็อกซ์จะเป็นหัตถการที่ช่วยในเรื่องลดขนาดสัดส่วนตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย หากแต่หลักการทำงานและจุดที่ได้รับการแก้ไขจะแตกต่างกันออกไป โดยเมโสแฟตจะมีคุณสมบัติในการสลายไขมันและเซลลูไลท์ ขณะที่โบท็อกซ์จะมีคุณสมบัติทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดเล็กลง โดยระงับการทำงานของกล้ามเนื้อเพื่อส่งผลให้บริเวณนั้นคลายตัวลงและช่วยลดริ้วรอย อย่างไรก็ตามสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการประเมินได้ว่าควรแก้ไขตรงจุดใดจึงจะเหมาะสมกับตัวเอง

ฉีดเมโสแฟต vs Ultraformer

Ultraformer คือ เครื่องที่ช่วยยกกระชับผิวหน้าซึ่งสามารถแก้ปัญหาหน้าห้อยได้อย่างตรงจุด พร้อมกับสลายไขมันส่วนเกินในชั้นผิว โดยมีหลักการทำงานคือยิงส่งคลื่นพลังงาน Micro & Macro Focused Ultrasound (MMFU) ซึ่งมีความเข้มข้นสูง ลงไปยังชั้นผิวเพื่อไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนโดยไม่เป็นอันตรายต่อผิว ซึ่งถ้าหากทำควบคู่กันกับการฉีดเมโสแฟตก็จะส่งผลให้บริเวณที่ทำมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นโดยมีไขมันสะสมลดน้อยลง ทั้งยังกระชับ เต่งตึง ไม่หย่อนคล้อยอีกด้วย

ฉีดเมโสแฟต vsThermage

Thermage คือ การใช้ความร้อนจากคลื่นวิทยุ Monopolar RF ในการยิงส่งพลังงานลงสู่ผิวหนังชั้นหนังแท้ (Dermis) และชัั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous) ซึ่งอยู่ลึกสุดของโครงสร้างผิว เพื่อช่วยสลายไขมันและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ให้ชั้นผิวปรับคุณภาพผิวได้ดี

ฉีดเมโสแฟต vs Hifu

Hifu หรือ High Intensity Focus Ultrasound คือ เครื่องที่ช่วยเน้นการกระตุ้นคอลลาเจนและยกกระชับใบหน้าโดยใช้คลื่นอัลตราซาวด์ที่มีหัวยิงขนาดเล็กผ่านชั้นผิว ส่งผลให้ไขมันเล็กลงแต่ไม่ได้ช่วยสลายเซลล์ไขมันโดยตรง

เมโสแฟต 10 CC เยอะไหม?

เมโสแฟต 1 ขวด มีปริมาณ 10 CC ซึ่งการฉีดต่อครั้งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินปริมาณให้อย่างเหมาะสมต่อบริเวณต่าง ๆ แต่โดยทั่วไปแล้วปริมาณ 10 CC นั้นถือว่าเพียงพอต่อการฉีดบริเวณใบหน้าแล้ว

ฉีดเมโสแฟตที่กังนัมดีไหม ราคาเท่าไหร่

ที่กังนัมคลินิกให้บริการโดยผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการดูแลลูกค้ามาอย่างยาวนาน เราเข้าใจลูกค้าทุกท่านเป็นอย่างดี จึงเลือกให้บริการในราคาที่สมเหตุสมผลที่สุด และพยายามอย่างยิ่งในการอำนวยความสะดวกให้ทั่วถึงโดยเปิดให้บริการมากถึง 40 สาขาทั่วไทยซึ่งได้รับการรับรองที่ได้มาตรฐานจากอย. นี่จึงทำให้กังนัมคลินิกได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก

สรุป ฉีดเมโสแฟต ดีไหม?

เมโสแฟตเป็นทางเลือกในการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะช่วยลดไขมันส่วนเกินได้ตรงจุด ปลอดภัย เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้น และต้องการเห็นผลลัพธ์ที่และรวดเร็วกว่าการลดน้ำหนักหรือควบคุมอาหาร แต่ทั้งนี้ก่อนการทำหัตถการก็ควรพิจารณาให้ดีในทุกครั้งทั้งคลินิกและผู้เชี่ยวชาญที่ให้บริการ รวมถึงยี่ห้อที่มั่นใจว่าได้มาตรฐานและปริมาณยาที่เหมาะสมอีกด้วย นอกจากนี้การได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีควรควบคู่ไปกับการดูแลพฤติกรรมการบริโภคร่วมด้วยเช่นกัน

Scroll to Top