ไฮยาลูรอน เคล็ดลับความงามแห่งการดูแลผิวหน้าให้อ่อนเยาว์ ไร้ริ้วรอย

ความงามเป็นสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืน เพราะเมื่ออายุมากขึ้นร่างกายอาจหยุดผลิตสารบางอย่าง ทำให้ใบหน้าของเรานั้น เริ่มมีริ้วรอย ผิวแห้ง หย่อนคล้อย จนดูแก่กว่าวัย จนเริ่มขาดความมั่นใจ และหาทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และหนึ่งในสารที่ได้รับความนิยม สามารถลดเลือนให้ดูอ่อนเยาว์ นั่นก็คือ “ไฮยาลูรอน” กังนัมคลินิกจะพาทุกคนไปรู้จักให้มากขึ้นผ่านบทความนี้ไปพร้อมกัน

ไฮยาลูรอน คืออะไร? 

ไฮยาลูรอน หรือไฮยาลูโรนิก แอซิด (HA) เป็นสารที่ร่างกายผลิตขึ้นได้เองตามธรรมชาติ มีโมเลกุลของน้ำตาล ที่ชื่อว่า Polysaccharide อยู่ในเนื้อเยื่อซึ่งร่างกายของเราสามารถสร้างเองได้ในชั้นผิวหนังแท้ มีคุณสมบัติกักเก็บน้ำและสามารถอุ้มน้ำได้ถึง 1,000 เท่าของน้ำหนักตัว ส่งผลให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้นและเต่งตึง และยังเป็นองค์ประกอบสำคัญของกระดูกอ่อนตามข้อต่อในร่างกายอีกด้วย

ถึงแม้ว่าไฮยาลูรอน (HA) จะสามารถสร้างขึ้นได้เองตามธรรมชาติ แต่หากอายุมากขึ้นร่างกายของคนเราจะผลิตสารกรดไฮยาลูโรนิก และเส้นใยคอลลาเจนได้น้อยง โดยจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป ผิวจะเริ่มขาดความชุ่มชื้น แห้ง และเริ่มมีริ้วรอย ร่องลึก และหย่อนคล้อยในที่สุด ทางการแพทย์เองจึงเริ่มคิดค้นการสังเคราะห์ไฮยาลูรอนขึ้นมา เพื่อทดแทนสารไฮยาลูโรนิกที่ร่างกายขาดไปนั่นเอง

ไฮยาลูรอน หรือไฮยาลูโรนิก มีคุณสมบัติอย่างไร?

คุณสมบัติเด่นของกรดไฮยาลูรอนที่เห็นได้ชัดๆ ก็คือ สามารถกักเก็บน้ำไว้บนผิวหนังได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ผิวยังคงความชุ่มชื้น เรียบเนียน ผิวไม่แห้ง และช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอย นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติอื่นๆ ดังนี้

  • ไฮยาลูรอน ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ในชั้นผิวหนังแท้ หรือผิวหนังชั้นใน
  • ไฮยาลูรอน ช่วยกรองรังสี UV ที่เป็นสาเหตุทำให้ผิวคล้ำแดด แห้ง และริ้วรอยก่อนวัย
  • ไฮยาลูรอน ช่วยลดการสร้างอนุมูลอิสระ 
  • ไฮยาลูรอน ช่วยหล่อลื่นกระดูกข้อต่อไม่ให้เสียดสีกัน

ไฮยาลูรอน มีลักษณะแบบไหน? 

ไฮยาลูรอน จะมีลักษณะเหนียวใส และมีความยืดหยุ่นสูงคล้ายเจลลี่ มีโครงสร้างโมเลกุลเป็นสายโซ่ยาวพันเกี่ยวกัน มีหน่วยพันธะเล็กๆ หลายพันธะเชื่อมต่อกันจนกลายเป็นสารประกอบโมเลกุลขนาดใหญ่ เรียกว่าพอลิเมอร์ ทำให้สารต่างๆ เกาะติดกันได้ เป็นพอลิเมอร์ที่ดีที่สุดที่ช่วยในการดูดซับน้ำ และกระจายตัวอยู่ทั่วไปตามเนื้อเยื่อในร่างกาย และเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับวงการเสริมความงามไม่ว่าจะเป็น การฉีดฟิลเลอร์ หรือส่วนผสมในสกินแคร์นั่นเอง

ไฮยาลูรอน ได้มาจากอะไร? 

ไฮยาลูรอน เป็นโมเลกุลของน้ำตาลชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่าพอลิแซ็กคาไรด์ มีอยู่ในเนื้อเยื่อของร่างกาย เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ สร้างขึ้นอยู่ในชั้นหนังกำพร้า และชั้นหนังแท้ เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นและพยุงโครงสร้างผิวเอาไว้ และยังสามารถพบได้ในสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เช่น กระต่าย วัว ไก่ แบคทีเรีย จุลสาหร่าย ยีสต์ และหอย

หากไม่มีไฮยาลูรอนบนใบหน้าจะเป็นอย่างไร?

ปกติไฮยาลูรอน ร่างกายเราจะผลิตขึ้นได้เองตามธรรมชาติ แต่เมื่ออายุมากขึ้น จะมีการผลิตได้ช้าลง ทำให้ใบหน้าดูขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้าน ขาดน้ำ และหากขาดการดูแลเรื่อยๆ จะส่งผลให้เกิดใบหน้ามีริ้วรอย ร่องลึก ดูแก่กว่าวัย

ไฮยาลูรอน ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

ไฮยาลูรอน ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในชั้นผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดี ไร้ริ้วรอย แต่เมื่ออายุมากขึ้น ไฮยาลูรอนตามธรรมชาติจะผลิตได้น้อยลง จึงจำเป็นที่จะต้องใช้ไฮยาลูรอนที่ผลิตและคิดค้นขึ้นมาทดแทน ที่สามารถช่วยในเรื่องความสวยงาม และยังช่วยบรรเทาและรักษาโรคบางชนิด

ริ้วรอยบนใบหน้า จัดการด้วยไฮยาลูรอน ได้จริงไหม?

ไฮยาลูรอน สามารถช่วยจัดการริ้วรอยได้จริง การฉีดฟิลเลอร์แท้ที่เป็นสารไฮยาลูรอนที่มีคุณสมบัติการคงตัวอยู่ใต้ผิวหนังชั่วคราว เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว จะเข้าไปเติมเต็มคอลลาเจนที่ลดลง หรือกระดูกที่ยุบตัว ที่สาเหตุของริ้วรอยร่องลึก

ประโยชน์จากการใช้ไฮยาลูรอน

ไฮยาลูรอนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลายรูปแบบ แบ่งออก 4 ข้อ ดังนี้

  • ไฮยาลูรอนมีจุดเด่นในเรื่องเติมความชุ่มชื้นไว้ในผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เรียบเนียน ไร้ริ้วรอย จึงมีการนำมาเป็นส่วนประกอบของครีมลดริ้วรอยสามารถพบได้ทั่วไปตามท้องตลาด นอกจากนี้ยังเป็นส่วนประกอบหลักของฟิลเลอร์ทางลัดในการเติมเต็มริ้วรอย และความชุ่มชื้น
  • ในวงการคลินิกเสริมความงามได้มีการนำไฮยาลูรอนมาใช้ในปรับรูปหน้าให้มีมิติมากขึ้น เติมเต็มร่องลึกในหลายตำแหน่ง เช่น ร่องใต้ตา ร่องแก้ม กรอบหน้า คาง เป็นต้น 
  • องค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา (USFDA) อนุมัติให้มีการใช้ไฮยาลูรอนในการฉีดรักษาและป้องกันโรคบางชนิด เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม, ภาวะอักเสบรอบข้อไหล่, ป้องกันการสูญเสียมวลกระดูก จากโรคกระดูกพรุน, ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดบริเวณข้อ เป็นต้น
  • มีการใช้ไฮยาลูรอนในรูปแบบอาหารเสริม เพื่อช่วยในเรื่องผิวพรรณ และป้องกันโรค  

ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากไฮยาลูรอน

ไฮยาลูรอน ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เพราะเป็นสารที่ช่วยในเรื่องความชุ่มชื้น  กักเก็บน้ำได้ดี โดยมีการนำมาใช้ดังนี้

ฟิลเลอร์

ทางการแพทย์สร้างฟิลเลอร์ขึ้นเพื่อทดแทนไฮยาลูรอนที่ร่างกายผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติ ปัจจุบันมีหลายยี่ห้อ หลายรุ่น ใช้ฉีดเพื่อทดแทนไฮยาลูรอน คอลลาเจน และอิลาสติน ที่ร่างกายสูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น ลดริ้วรอย เติมเต็มร่องลึก ปรับโครงสร้างใบหน้าและเห็นการเปลี่ยนแปลงทันที อยู่ได้นานตั้งแต่ 6-24 เดือน  

สกินแคร์

ครีมบำรุงผิวหลายยี่ห้อในท้องตลาด นิยมใช้ไฮยาลูรอนเป็นส่วนผสมหลัก เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ลดเลือนริ้วรอย โดยมีการพัฒนาให้กรดไฮยาลูรอนมีขนาดโมเลกุลเล็กลง เพื่อให้ซึมเข้าสู่ผิวได้จากภายนอกเพื่อปกป้องไม่ให้สูญเสียน้ำใต้ผิว 

วิตามินบำรุง/อาหารเสริม

ไฮยาลูรอนในปัจจุบันถูกผลิตออกมาในรูปแบบเม็ด เพื่อง่ายต่อรับประทาน โดยมีปริมาณความเข้มข้นของไฮยาลูรอนแตกต่างกัน และอาจมีสารอื่นๆผสมอยู่ด้วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของไฮยาลูรอนมากยิ่งขึ้น เช่น คอลลาเจน และสารสกัดอื่นๆ ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณที่แห้งกร้านให้ชุ่มชื้นขึ้น

ยารักษาโรค

องค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา (USFDA) อนุมัติให้ใช้ไฮยาลูรอน ในการรักษาโรคบางชนิด เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม, ภาวะอักเสบรอบข้อไหล่, ป้องกันการสูญเสียมวลกระดูก จากโรคกระดูกพรุน, ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดบริเวณข้อ เป็นต้น

ผลิตภัณฑ์จากไฮยาลูรอน อันตรายหรือไม่? 

ไฮยาลูรอน (HA) เป็นสารที่ถูกสร้างเพื่อเลียนแบบหรือทดแทนสารที่มีอยู่ในร่างกาย จึงมีความปลอดภัย สามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ ทั้งนี้ควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นการฉีดเข้าสู่ผิวหนัง หรือการทาบนผิว และการรับประทานรูปแบบอาหารเสริม และควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ก่อนฉีดสารเติมเต็มจากไฮยาลูรอน ต้องรู้อะไรบ้าง? 

ปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์ไฮยาลูรอนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าก่อนการฉีดนั้นจะต้องรู้อะไรบ้าง กังนัมคลินิกรวบรวมไว้ได้ ดังนี้

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการฉีดไฮยาลูรอน

การฉีดไฮยาลูรอนในปัจจุบันถือเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมในคลินิกเสริมความงาม ถึงแม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์จะไม่ใช่หัตถการที่อันตราย แต่เราควรให้ความสำคัญเกี่ยวกับการเลือกคลินิกให้ได้มาตรฐาน เลือกหมอที่มีความเชี่ยวชาญสามารถแก้ไขปัญหาของเราได้ เพื่อความปลอดภัยต่อการใช้ไฮยาลูรอนให้ได้มากที่สุด

ข้อดี – ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์ไฮยาลูรอน 

ข้อดี 

  • เป็นวิธีที่ปลอดภัย เป็นหัตถการที่แพทย์ความงามให้การยอมรับอย่างกว้างขวาง 
  • ช่วยเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก ปรับรูปหน้า ฟื้นฟูและชะลออายุผิวให้ดูอ่อนเยาว์  
  • ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ สลายได้เองตามธรรมชาติ 
  • หลังฉีดเห็นผลทันที ให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ ตรงจุด สวยงาม และดูเป็นธรรมชาติ 

ข้อเสีย

  • ผลลัพธ์จะไม่ได้อยู่ถาวร สามารถฉีดซ้ำได้
  • หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ ผลลัพธ์อาจไม่สวย ไม่เป็นธรรมชาติ เสี่ยงเกิดผลข้างเคียง เช่น ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน 
  • อาจเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย หากใช้ฟิลเลอร์ปลอม ไม่ได้มาตรฐาน

ข้อควรปฏิบัติและการดูแลตัวเองหลังฉีดไฮยาลูรอน

หลังการฉีดฟิลเลอร์ ควรปฎิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพราะจะส่งผลต่อการเข้าที่ของฟิลเลอร์ ช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่เร็วและอยู่ได้นาน 

  • ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ 
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดหรืออากาศร้อนจัด
  • ห้ามบีบ นวด แกะ เกา บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ 
  • งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึก 1 เดือน
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด 

ฉีดสารไฮยาลูรอนบนใบหน้ามีผลข้างเคียงไหม? 

การฉีดสารไฮยาลูรอน หากฉีดฟิลเลอร์แท้ ฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์ คลินิกที่ได้มาตรฐานและได้รับการรับรอง ก็แทบจะไม่พบผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย นอกจากผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น รอยเข็ม บวม แต่จะหายได้เองภายใน 7-14 วัน แต่หากพบอาการบวมมาก หรือมีผื่นแดงคัน ควรรีบเข้าปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อทำการฉีดสลายฟิลเลอร์ 

สรุปไฮยาลูรอน หรือไฮยาลูโรนิก

ไฮยาลูรอน จึงไม่ใช่สารที่เป็นความลับอีกต่อไป เพราะด้วยคุณสมบัติเด่นในการอุ้มน้ำ ทำให้ผิวของเราชุ่มชื้นและถูกนำไปรักษาในทางการแพทย์อย่างหลากหลาย ทั้งการฉีดฟิลเลอร์ สกินแคร์ อาหารเสริม รวมไปถึง ยารักษาโรค

ที่กังนัมคลินิก เรามีรักษาปัญหาริ้วรอย ผิวแห้ง ไม่ชุ่มชื้นด้วยการฉีดฟิลเลอร์ไฮยาลูรอน สำหรับผู้ที่มีปัญหาที่กว่ามาข้างต้น สามารถเข้ามาปรึกษาได้ที่กังนัมทุกสาขา 

Scroll to Top
gangnamclinicthailand