ทำ Thermage FLX คืออะไร ยกกระชับผิวได้จริงไหม ทำที่ไหนดี?
ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ เป็นปัญหาที่ไม่ว่าใครก็มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นกับตนเองได้ สำหรับผู้ที่มีความกังวลเรื่องปัญหาผิวไม่กระชับ หย่อนคล้อย เเละรู้สึกว่าปัญหาเหล่านี้สร้างผลกระทบต่อความมั่นใจในตนเองก็สามารถใช้นวัตกรรมหรือเทคนิคทางการแพทย์เข้ามาแก้ปัญหาในส่วนนี้ได้
สำหรับเทคนิคทางการแพทย์ที่ใช้ในการรักษาปัญหาผิวเสื่อมสภาพ หย่อนคล้อย มีริ้วรอยนั้นมีหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นหัตถการผ่าตัดดึงยกกระชับผิว การฉีดโบท็อกซ์ การฉีดฟิลเลอร์ เเละอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ช่วยกระชับผิว เปลี่ยนผิวที่เต็มไปด้วยริ้วรอย หย่อนคล้อยให้ดูกระชับ เรียบเนียนขึ้นด้วยคลื่นวิทยุ RF อย่าง “Thermage FLX” นวัตกรรมใหม่ที่มีการพัฒนาจากเทอร์มาจรุ่นก่อน ๆ เป็นหัตถการยกกระชับผิวยอดฮิตที่แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยให้กลับมาเต่งตึงกระชับได้โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือฉีดยา
บทความนี้จึงได้รวบรวมสาระดี ๆ ที่ควรรู้ก่อนทำหัตถการ Thermage FLX ไม่ว่าจะเป็นจุดเด่น หลักการทำงานของ Thermage FLX ราคา ความเเตกต่างของหัตถการเพื่อยกกระชับเเต่ละชนิด ข้อควรปฏิบัติก่อน และหลังทำหัตถการ ที่ควรรู้ก่อนทำ Thermage FLX
Thermage คืออะไร?
ก่อนที่จะไปทำความรู้จักกับ Thermage FLX เราควรที่จะทำความเข้าใจเทคโนโลยีที่เรียกว่าเทอร์มาจ (Thermage) กันก่อน โดย เทอร์มาจ (Thermage) เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับผิวโดยคลื่นวิทยุ (Radiofrequency: RF) ไปยังผิวชั้นลึก เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ (Collagen) เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการช่วยยกกระชับผิว สลายไขมันบนใบหน้า ส่งผลให้ผิวที่หย่อนคล้อยตึงกระชับขึ้น เช่น ริ้วรอยรอบดวงตา ยกคิ้ว ริ้วรอยร่องแก้ม เก็บกรอบหน้า ลดเหนียง คางสองชั้น แขนขา และหน้าท้องที่หย่อนคล้อยด้วยการยิงคลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) ลงไปในชั้นผิวหนัง ตั้งแต่ผิวชั้นบนจนถึงชั้นไขมัน โดยความร้อนจะไปทำให้ผิวเกิดการหดตัว ลดเนื้อไขมัน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่เสื่อมสภาพขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวแน่นกระชับขึ้นได้ในระยะยาว
เทคโนโลยีเทอร์มาจ (Thermage) เป็นที่ยอมรับมาอย่างยาวนาน มีการใช้งานอย่างแพร่หลายทั่วโลก และมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยเวอร์ชันใหม่ล่าสุดก็คือ “Thermage FLX” นั่นเอง
Thermage FLX คืออะไร?
ผู้ผลิตเครื่องเทอร์มาจนั้นได้มีการผลิตเครื่องมือนี้ออกมาหลายรุ่น แต่รุ่นที่ถูกผลิตออกมาล่าสุดคือ Thermage FLX ซึ่งมีข้อดีกว่ารุ่นก่อน ๆ คือสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว และเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ เนื่องจากการทำงานของเทอร์มาจ (Thermage) จะส่งความร้อนเข้าไปเพื่อทำการแยกโมเลกุลของน้ำออกจากคอลลาเจน ผิวจึงเกิดการหดตัวและกระชับขึ้น คอลลาเจนมีการเรียงตัวได้เป็นระเบียบมากขึ้นจึงเป็นการช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว
Thermage FLX กับ CPT ต่างกันอย่างไร?
หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วเทคโนโลยี Thermage FLX มีการพัฒนาอะไรบ้าง แตกต่างจากเทคโนโลยี Thermage โมเดลเดิมอย่างไร
Thermage FLX เป็นเครื่องรุ่นใหม่ หัวยิงมีขนาดใหญ่กว่า มีระบบช่วยคำนวณพลังงานความร้อนใต้ชั้นผิวด้วยเทคโนโลยีเฉพาะที่มีแต่ Thermage FLX คือ Accurep Technology ที่สามารถปรับพลังงานที่เหมาะสมกับผิวและป้องกันปัญหาผิวไหม้จากการทำเทอร์มาจ (Thermage) มีระบบให้ความเย็น (Spray Cooling) ควบคู่ไปด้วย เพื่อลดโอกาสในการเกิดผิวไหม้
อีกทั้งยังมีระบบ Advanced comfort pulse technology ที่มีทั้งการปล่อยความเย็น Pre cooling และ Post cooling และระบบสั่นแบบหลายทิศทาง ทำให้เจ็บน้อยลงกว่าเทคโนโลยีรุ่นก่อนๆ และโฟกัสแม่นยำแบบเรียลไทม์ ใช้จำนวนช็อตน้อยกว่า เจ็บน้อยกว่า และใช้เวลาในการทำเร็วกว่ารุ่นเดิมอย่าง Thermage CPT เพราะหัวทิปรุ่นใหม่ 4.0 (หัวสีม่วง) สามารถทำได้เร็วกว่าหัวสีส้ม ถึง 25% เนื่องจากหัวที่มีขนาดใหญ่กว่า คือ 4 ตร.ซม. เมื่อเทียบกับของ CPT คือ 3 ตร.ซม.
จุดเด่นของ Thermage FLX
นอกจากเทคโนโลยี FLX ที่ทำให้ Thermage FLX มีประสิทธิภาพในการยกกระชับมากกว่าเดิมแล้ว การรักษาด้วยเครื่องมือนี้ก็ยังมีจุดเด่น หรือข้อดีของการรักษาที่น่าสนใจด้วย ดังนี้
เจ็บน้อย ไร้แผล ไม่ต้องพักฟื้น
การยกกระชับใบหน้าโดยเทคโนโลยีนี้จะมีความเจ็บที่น้อยมาก และไม่ทําให้เกิดแผลแต่อย่างใด จึงไม่จำเป็นต้องพักฟื้น หลังทําสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ทันทีใช้เวลาทําไม่นาน
โดยการทําหัตถการนี้จะใช้เวลาเพียง 45-60 นาทีเท่านั้นเห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจทันทีหลังทํา
หลังจากการทํา คนไข้สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีโดยจะเห็นความเปลี่ยนแปลงประมาณ 20-30% และเมื่อเวลาผ่านไป 1-3 เดือนก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนทั้งหมดทําได้หลายส่วน
วิธีการนี้ไม่ได้ใช้รักษาได้แค่เพียงใบหน้า นอกจากจะยกกระชับผิวหน้าแล้ว ยังสามารถนําไปใช้ยกกระชับผิวส่วนอื่น ๆ ทั้งบริเวณดวงตาและร่างกาย และยังสามารถทําได้อย่างครอบคลุมทุกชั้นผิวเห็นผลลัพธ์ที่ดีได้ยาวนาน
หลังการทําผลลัพธ์จะอยู่ได้นานเฉลี่ยที่ 1 ปีและอาจคงสภาพได้นานกว่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวของแต่ละบุคค
Thermage FLX ช่วยอะไร?
- ช่วยเเก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย
- ลดไขมันสะสมใต้ผิวหนัง และสลายไขมันส่วนเกินได้อย่างแม่นยำ
- ช่วยปรับยกกระชับรูปหน้า ปรับรูปหน้าเรียวเล็ก
- เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวหนัง ริ้วรอยลดลง รอบดวงตา ตีนกา อย่างมีประสิทธิภาพ
- รูขุมขนละเอียดขึ้น ผิวเรียบเนียน
Thermage FLX ยกกระชับผิวได้จริงไหม?
Thermage FLX จะทำงานด้วยการส่งพลังงานความร้อนแบบคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดียว (Monopolar RF) ยิงลงไปในชั้นผิวหนังในลักษณะเป็นวงกว้าง (Bulk Heating) ซึ่งโครงสร้างผิวของคนเราจะประกอบไปด้วยชั้นผิว 3 ชั้น คือ
- ชั้นหนังกําพร้า (Epidermis)
- ชั้นหนังแท้ (Dermis)
- ชั้นไขมัน (Subcutaneous)
Thermage FLX ทำส่วนใดได้บ้าง?
Thermage FLX สามารถทำได้หลายตำแหน่ง ทั้งบริเวณใบหน้า รอบดวงตา และลำตัว
- บริเวณรอบดวงตา
เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวรอบดวงตาหย่อนคล้อย มีริ้วรอย หรือผู้ที่ต้องการยกคิ้วให้ได้รูป สามารถแก้ปัญหาคิ้วตก หนังตาตก - บริเวณใบหน้าและลําคอ
สามารถยกกระชับได้ทั่วใบหน้าและลำคอ มีแก้มห้อย มีเหนียง ใต้คาง ต้องการให้ใบหน้าเรียวกระชับ หรือปรับกรอบหน้าให้ดูชัดขึ้น - บริเวณลําตัว
สามารถทำได้ทั้งต้นแขน หน้าท้อง สะโพก หรือต้นขา ให้ดูกระชับ เรียบเนียน มีรอยย่นลดลง
Thermage FLX เหมาะกับใครบ้าง?
เครื่อง Thermage FLX เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวดังนี้
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับระดับเริ่มต้น – ปานกลาง
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวโดยไม่ต้องทําการผ่าตัด
- ผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน เหี่ยวย่น หรือมีรูขุมขนกว้าง
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา ตีนกา รอยย่นที่หน้าผาก ร่องแก้ม
- ผู้ที่มีปัญหาไขมันมากบริเวณลำคอ คาง จนเกิดเป็นเหนียง
- ผู้ที่มีปัญหาเซลลูไลท์หรือผิวเปลือกส้มบริเวณลำตัว เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา สะโพก เป็นต้น
- ผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมหรือไม่กระชับบริเวณลำตัว
Thermage FLX อันตรายไหม?
การทำ Thermage FLX เป็นหัตถการที่ช่วยในการกระชับผิวที่ไม่อันตรายและมีความปลอดภัยสูง โดยอาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยหลังจากทำ Thermage FLX เช่น บางรายอาจมีอาการผิวบวมแดง หรือระบมใต้ผิว ซึ่งเป็นอาการปกติที่สามารถพบได้ จะค่อยๆหายไปเองภายใน 3-10 วัน ไม่เป็นอันตรายนอกจากผลลัพธ์แล้ว เรื่องของความปลอดภัยก็มั่นใจได้ เพราะเป็นเทคโนโลยีที่ได้การรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ U.S. FDA และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.ไทยแล้วว่ามีความปลอดภัยสูง เป็นเครื่องแท้ ได้มาตรฐน
เปรียบเทียบ Thermage FLX vs Ulthera SPT vs Ultraformer
เครื่องยกกระชับแต่ละประเภทจะมีค่าพลังงานที่ส่งไปยังชั้นผิวที่แตกต่างกัน ดังนั้น อาจต้องทำความเข้าใจเรื่องค่าพลังงานและหลักการทำงานของแต่ละเครื่องกันว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร
- Thermage FLX
ทำงานโดยใช้ความร้อนจากคลื่นวิทยุความถี่สูง MONOPOLAR RF สามารถลงลึกไปถึงชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) ที่มีส่วนประกอบของคอลลาเจน อิลาสติน และชั้นไขมันใต้ผิวหนังได้ พลังงานจะครอบคลุมพื้นที่ได้ดีกว่าแบบจุด กระจายเป็นวงกว้าง - Ulthera SPT
จะทำงานโดยใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ที่มีความถี่สูง ชนิด Micro Focused UItrasound with Visualization (MFU-V) สามารถลงไปลึกถึงใต้ชั้นผิว SMAS ลักษณะพลังงานที่ได้จะเป็นจุดพลังงานขนาด 1 mm ลักษณะเป็นจุดไข่ปลาเล็ก ๆ เรียงกันเป็นเส้นตรงใต้ชั้นผิว - Ultraformer
เป็นเครื่อง HIFU ทำงานด้วยการปล่อยพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์แบบ Focused Ultrasound 2 รูปแบบ คือ Micro และ Macro Focused Ultrasound ลักษณะพลังงานเป็นจุดไข่ปลาเล็ก ๆ เรียงกัน ซึ่งจุดโฟกัสจะเล็กกว่า Ulthera SPT ส่งผลในเรื่องของผลลัพธ์และระยะเวลา
Thermage FLX vs Ulthera SPT
Ulthera SPT กับ Thermage FLX เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เห็นผลเรื่องการยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย ลดริ้วรอยเหมือนกัน โดยมีความแตกต่างกันที่หลักการทำงานและค่าพลังงาน
ประสิทธิภาพของ Ulthera SPT กับ Thermage FLX จะขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและความต้องการของแต่ละบุคคล ซึ่งหมอจะประเมินว่าคนไข้เหมาะกับการทำแบบไหนถึงจะเห็นผลมากที่สุด อย่างเช่น การทำ Ulthera SPT จะมีจุดโฟกัสเป็นเส้นใหญ่ สามารถส่งผ่านพลังงานไปที่ชั้นผิวหนังชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า เหมาะกับคนที่มีชั้นไขมันน้อย
ส่วน Thermage FLX เป็นก้อนพลังงานขนาดใหญ่ เด่นในเรื่องการลดชั้นไขมันที่ใบหน้า และเพิ่ม Skin Quality (ผิวเด็ก)
Thermage FLX vs Ultraformer
อัลทราฟอร์เมอร์ (Ultraformer) กับ Thermage FLX เป็นกลุ่มเครื่องยกกระชับใบหน้าเช่นเดียวกัน แต่เครื่อง Thermage FLX นั้นจะใช้พลังงานจากคลื่นวิทยุขั้วเดียว (Mono Polar) ยิงลงไปสู่ชั้นผิว และชั้นไขมัน ทำให้การทำหัตถการ Thermage FLX จะช่วยเรื่องการสลายไขมันสะสมมากกว่า อัลทราฟอร์เมอร์ (Ultraformer) ในทางตรงกันข้าม อัลทราฟอร์เมอร์ (Ultraformer) ใช้คลื่น Micro & Macro Focused Ultrasound (MMFU) จะเห็นผลในการยกกระชับมากกว่า เพราะสามารถลงไปได้ลึกถึงผิวชั้น SMAS นั่นเอง
เปรียบเทียบ Thermage FLX, ร้อยไหม และฉีดโบท็อก ควรยกกระชับหน้าด้วยวิธีไหนดี?
การทำ Thermage FLX, ร้อยไหม และฉีดโบท็อก มีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละคน โดยสามารถแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน ดังนี้
- โบท็อก
เหมาะสำหรับคนไข้ที่ต้องการปรับรูปหน้าอยากให้หน้าเรียว มีกล้ามเนื้อกรามค่อนข้างมาก เน้นลดการทำงานของกล้ามเนื้อ เหมาะกับผู้ที่มีสาเหตุความหย่อนคล้อยมาจากกล้ามเนื้อบนใบหน้า มีกล้ามเนื้อกรามเยอะและมีริ้วรอย การฉีดโบท็อกลดขนาดของกล้ามเนื้อกรามก็จะสามารถช่วยทำให้ ใบหน้าเรียวขึ้นได้ การฉีดโบท็อกยกกระชับใบหน้าคือการฉีดตัวยาในกล้ามเนื้อจุดที่ดึงหน้าลง พอโบท็อกออกฤทธิ์ในบริเวณนั้นกล้ามเนื้อก็จะหยุดทำงาน ผิวด้านบนก็จะยกได้มากขึ้น การร้อยไหม
เป็นหัตถการที่ตอบโจทย์ตรงนี้ได้มาก เพราะสามารถเห็นผลชัดเจนได้ทันที เพราะหลังร้อยไหมสามารถเห็นผลได้ทันที เห็นขอบหน้าคมขึ้น ต้องการยกกระชับแก้ไขความหย่อนคล้อยทำให้หน้ายกดูอ่อนเยาว์ เหมาะกับผู้ที่แก้มหย่อนมาก ๆ โดยไหมจะทำหน้าที่เหมือนสลิงช่วยพยุงให้ผิวหน้ายกกระชับขึ้น ทำให้หน้ายกกระชับ เหมาะสำหรับคนที่ไม่กลัวเข็มและอยากเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วThermage FLX
จะเด่นในเรื่องของการลดเนื้อไขมันและเพิ่ม Skin Quality ริ้วรอย รูขุมขน มากกว่าการยกกระชับใบหน้า ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ยกกระชับผิวทำให้ผิวแน่นขึ้น และสลายไขมัน เหมาะกับผู้ที่มีไขมันบนใบหน้าเยอะเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ผิวทุกเซลล์ผิวจริงๆ และทำให้การร้อยไหมเห็นผลอยู่นานขึ้นควรทำ Thermage FLX ร่วมด้วย เพราะจะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีและทำให้ผิวยกเพราะเซลล์ผิวแข็งแรง อีลาสตินคอลลาเจนดีขึ้น เเละการทำ Thermage FLX เหมือนเป็นการสะสมคอลลาเจนเพิ่มให้กับผิว ช่วยชะลอวัยทำให้ผิวดูเด็กลงในระยะยาว ซึ่งเป็นข้อดีที่แตกต่างจากการฉีดโบท็อก หรือ ร้อยไหม เพราะไม่ได้ผิวที่แท้จริง เเละไม่ได้การสร้างคอลลาเจนในระยะยาว
Thermage FLX ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล? กี่วันเห็นผล? อยู่ได้นานแค่ไหน?
การทำ Thermage FLX เห็นผลทันที 20-30 % หลังทำ โดยการยกกระชับจะเห็นทันทีว่าผิวแน่นขึ้น และจะเห็นผลชัดเจนมากขึ้นในช่วง 2-3 เดือนเนื่องจากคอลลาเจนหดตัว หลังจากนั้นสภาพผิวจะดีขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยหลังทำ ผิวจะเกิดการกระตุ้นคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่องได้เรื่อย ๆ จนถึงเดือนที่ 6 หลังจากการรักษา อยู่ได้นาน 1-2 ปี ตามสภาพผิว และการใช้ชีวิตประจำวัน
Thermage FLX ทำกี่ครั้งต่อปี ?
Thermage FLX ทำเพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1 ปี จึงเป็นหัตถการที่ไม่ต้องอาศัยเวลามาทำบ่อยๆ และได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน จึงเหมาะกับคนที่ต้องการบำรุงผิวแต่ไม่มีเวลามาก โดยหลังทำจะเห็นผลทันที ประมาณ 20% และดีขึ้นอีก ใน 1-6 เดือน จากคอลลาเจนที่เพิ่มมากขึ้น เเต่ถ้าคนไข้ต้องการยกกระชับมากขึ้น สามารถทำได้ทุก 3 เดือน
ทำ Thermage FLX คุ้มไหม?
หากถามถึงความคุ้มค่าของการทำ Thermage FLX คนไข้ต้องทนความเจ็บได้ระดับนึงจึงจะทำให้ได้ผลดีและคุ้มค่าที่สุด เพราะถ้าปรับลดพลังงานลงมาก ๆ จนไม่รู้สึกเจ็บเลย ก็แปลว่าพลังงานไม่สูงพอที่จะยกกระชับหน้าได้ ต่อให้ใช้เครื่องแท้ก็จะไม่ได้ผลหรือเห็นผลน้อย เนื่องจากการทำหัตถการ Thermage FLX จะต้องใช้หัวทิปเฉพาะที่ทำหน้าที่ในการส่งคลื่นวิทยุ หัวทิปนี้จะมีการระบุจำนวนการยิงต่อ 1 หัวทิป และจำนวนที่มีในหัวทิปต้องใช้ให้หมดต่อเนื่องกันในเวลาที่กำหนด
Thermage FLX เจ็บไหม?
ก่อนการทำเทอร์มาจ (Thermage) แพทย์จะทายาชาทิ้งไว้ประมาณ 30-40 นาที ซึ่งช่วยลดบรรเทาความเจ็บได้มาก หรือถ้าหากใครที่ยังมีความรู้สึกกังวลก็สามารถขอแพทย์ฉีดยาชาก่อนทำเทอร์มาจ (Thermage) ได้ โดย Thermage FLX ทางบริษัทผู้ผลิตได้ค้นคว้า วิจัย เเละพัฒนาเทคโนโลยีแล้ว ซึ่งทำให้มีความเจ็บน้อยกว่าเดิมเยอะมาก โดยในระหว่างการทำอาจมีความรู้เจ็บเล็กน้อยในบางจุด จะเป็น “Warm But Tolerate” คือร้อนเเต่อยู่ในระดับที่ทนได้แน่นอน ส่วนคนไข้แต่ละคนจะทนได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของคนไข้เป็นหลัก
การเตรียมตัวก่อนทำ Thermage FLX
การทำ Thermage FLX มีความคล้ายกับการทำหัตถการทรีตเมนท์ผิวอื่นๆ ไม่มีการผ่าตัด และไม่ต้องมีการพักฟื้น ผู้ที่เข้ามารับบริการจึงไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวมากนัก ยกเว้นการทำหัตถการอื่นๆ บนใบหน้ามาก่อน เช่น ฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อก ที่ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เดือนก่อนทำหัตถการ หรือถ้าหากคนไข้มีโรคประจำตัว มีประวัติผ่าตัด หรือทานยารักษาโรคบางชนิด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อให้แพทย์ประเมินความเหมาะสมก่อนเริ่มทำหัตถการ
วิธีดูแลหลังทำ Thermage FLX
หลังการทำ Thermage FLX สามารถใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ทันที เช่น การแต่งหน้า หรือออกกำลังกาย แต่เพื่อผิวที่เรียบเนียนยาวนาน และเพื่อให้การทำ Thermage FLX มีประสิทธิภาพมากที่สุด จึงควรมีการดูแลตนเองเพิ่มเติม ดังนี้
- ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 ขึ้นไป เพื่อลดการอักเสบที่เกิดขึ้นจากแสงแดด
- งดการทำทรีตเมนท์และเลเซอร์อื่นๆ ประมาณ 1-2 สัปดาห์
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำเยอะๆ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงความเครียด และพักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่
ทำ Thermage FLX ที่ไหนดี?
แม้ว่า Thermage FLX จะเป็นเครื่องมือยกกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากลทั้งจาก U.S. FDA และ อย.ไทย สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้อย่างเห็นผล ปลอดภัย และเจ็บน้อย แต่ควรเลือกทำกับแพทย์ที่มีความชำนาญการสูง
เพราะถ้าหากทำกับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ แล้วแพทย์เลือกใช้หัวยิง หรือปรับค่าพลังงานไม่เหมาะสมกับบริเวณที่ทำการรักษา ก็อาจทำให้ไม่เห็นผล หรือทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้
- ใช้เครื่อง Thermage FLX ของแท้ ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล
- ห้องทำหัตถการมีความสะอาด เครื่องมือผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล คลินิกมีความน่าเชื่อถือ
- แพทย์มีความชำนาญการในการยกกระชับหน้าด้วย Thermage FLX โดยเฉพาะ
- มีรีวิวการยกกระชับหน้าด้วย Thermage FLX จากผู้ใช้บริการจริงมากมาย
- ราคาค่าบริการสมเหตุสมผล ไม่ถูกจนเกินไป
สรุปทำ Thermage FLX ดีจริงไหม?
การยกกระชับผิวด้วยเครื่อง Thermage FLX สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวไม่กระชับ หย่อนคล้อย มีไขมันสะสมมากให้กลับมาเรียบเนียนอย่างสม่ำเสมอ เต่งตึง พร้อมสลายไขมันสะสมใต้ผิวหนังด้วยคลื่นวิทยุ ไม่ต้องผ่าตัดหรือฉีดสารใด ๆ ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำ Thermage FLX ก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติเลย โดยเห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ อยู่ได้นานถึงหลักปี ทำให้ Thermage FLX มีความคุ้มค่าด้วยราคาเริ่มต้นที่ 30,000 บาทเท่านั้น Thermage FLX จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่สุดในการยกกระชับ
การทำ Thermage FLX ที่เห็นผลเเละปลอดภัย ควรเลือกทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน และทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น