Sculptra VS Radiesse ตัวท็อปหน้าเด็ก เทียบชัดแบบไหนดีกว่ากัน

     เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ปัญหาผิวหย่อนคล้อยก็เริ่มแทรกเข้ามา ซึ่งนอกจากจะดูแลตัวเองทั้งภายนอก และภายในตามแบบฉบับธรรมชาติแล้ว การดูแลตัวเองด้วยเทคโนโลยีความงาม ด้วยการเข้าคลินิกก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำสุดๆ ซึ่งสำหรับการฉีดหน้าให้ดูเด็กลงที่มาแรงสุดๆ ในช่วงนี้ คงไม่พูดถึง Radiesse และ Sculptra ฟิลเลอร์ตัวท็อปหน้าเด็กแห่งวงการไม่ได้ วันนี้เราจึงขอพามาดูกันว่าระหว่าง Radiesse และ Sculptra แบบไหนจะเหมาะสมและให้ผลลัพธ์เด็กเด้งมากกว่ากัน และทั้งสองอย่างนี้สามารถฉีดร่วมกันได้ไหม

เปรียบเทียบ Sculptra VS Radiesse ตัวท็อปหน้าเด็ก

     Sculptra เป็นสารจากกรดแลคติกที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ใบหน้าดูกระชับ เรียวเล็ก คางและรอบคางเด้งขึ้น ลดความหย่อนคล้อย ซึ่งผลที่ได้จะค่อยๆเห็นในเวลา 4-6 สัปดาห์ และผลลัพธ์จะคงอยู่นาน 2-3 ปี ในขณะที่ Radiesse มีส่วนประกอบคือแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ เมื่อทำแล้วสามารถเห็นผลได้ในทันที เนื่องจากทำหน้าที่เป็นสารเติมเต็ม ที่ช่วยให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ ซึ่งผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน

Sculptra VS Radiesse อะไรดีกว่ากัน?

     หากต้องการเปรียบเทียบกันชัดๆ ระหว่างสองตัวท็อปหน้าเด็กหรือฟิลเลอร์ยกกระชับหน้าระหว่าง Sculptra และ Radiesse จะพบว่าทั้งสองตัวมีข้อดีแตกต่างกัน ซึ่งจะต้องพิจารณาบนพื้นฐานของความต้องการและข้อจำกัดของแต่ละบุคคล ดังนี้

ข้อดีของ Sculptra

  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนจากภายในร่างกายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลดูเป็นธรรมชาติ
  • สารตั้งต้นสามารถย่อยสลายได้ในร่างกาย ไม่มีการตกค้างในร่างกายระยะยาว
  • ผลการยกกระชับค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ผลจะอยู่ได้นาน 2-3 ปี
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการความเป็นธรรมชาติและผลระยะยาว

ข้อดีของ Radiesse

  • ช่วยยกกระชับหน้าเด็กได้อย่างรวดเร็ว เห็นผลทันทีหลังฉีด
  • ช่วยเสริมการยกกระชับ และลดริ้วรอย ร่องลึกได้ดี
  • ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน

     สรุปง่ายๆ ว่าหากต้องการผลเป็นธรรมชาติระยะยาว Sculptra อาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่หากต้องการผลรวดเร็วในระยะสั้น Radiesse อาจตอบโจทย์มากกว่า ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อได้รับการประเมินและคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุด

องค์ประกอบของตัวยา

Radiesse คือ

     Radiesse เป็นสารเติมเต็มชนิดซัสเพนชันคัลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (calcium hydroxylapatite หรือ CaHA) ซึ่งเป็นสารอนินทรีย์ธรรมชาติที่มีคุณสมบัติคล้ายกับโครงสร้างของกระดูกและฟัน มีลักษณะเป็นผงละเอียดแขวนลอยอยู่ในสารละลายเจลใส

Sculptra คือ

     Sculptra เป็นสารเติมเต็มประกอบด้วยโพลี-L-แลคติกแอซิด (poly-L-lactic acid) ซึ่งเป็นพอลิเมอร์ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เมื่อฉีดเข้าไปจะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อเกิดใหม่ โดยกระบวนการนี้จะค่อยๆ เกิดขึ้นภายในระยะเวลาประมาณ 6 เดือน และผลจะคงอยู่นานประมาณ 2 ปี

กลไกการออกฤทธิ์กระตุ้นคอลลาเจน

Sculptra

     เมื่อฉีด Sculptra  เข้าสู่ชั้นหนังแท้ จะเกิดการอักเสบระดับน้อยจากการตอบสนองต่อสารแปลกปลอมร่างกายจะตอบสนองด้วยการส่งเซลล์ภูมิคุ้มกรรมมาล้อมรอบและพยายามทำลายโพลิเมอร์ ในกระบวนการนี้ เซลล์จะหลั่งสารเคมีบางชนิดที่กระตุ้นให้เซลล์ชนิดอื่นเข้ามาสร้างคอลลาเจนใหม่ ซึ่งจะทำหน้าที่เสริมสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ทำให้ดูเต่งตึง กระชับขึ้น นอกจากนี้โพลิเมอร์ของ Sculptra จะค่อยๆถูกย่อยสลายไปเอง โดยมีผลในการกระตุ้นคอลลาเจนอยู่ถึง 2-3 ปี

Radiesse

     Radiesse มีส่วนประกอบหลักคือแคลเซียมไฮดรอกไซด์อะพาไทต์ ไม่สามารถย่อยสลายได้ เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหนัง อนุภาคจะทำหน้าที่เติมเต็มร่องลึกและเนื้อเยื่อบริเวณนั้น หลังจากนั้นร่างกายจะสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใหม่มาปกคลุมหุ้มห่อบริเวณที่มีการฉีด โดยผ่านกระบวนการล้อมรอบและสร้างคอลลาเจนขึ้นมาหุ้มอนุภาค จะทำให้บริเวณนั้นดูเต่งตึงมากขึ้น

ความแตกต่างระหว่าง Sculptra VS Radiesse

     แม้ว่าจะเป็นตัวท็อปหน้าเด็กหรือฟิลเลอร์ที่ช่วยยกกระชับหน้าระดับต้นๆ เหมือนกัน แต่ทั้งสองตัวก็มีความแตกต่างกันดังนี้

Sculptra​

  • ประกอบด้วย Poly-L-Lactic Acid ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้
  • ออกฤทธิ์โดยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาเอง เกิดจากการอักเสบระดับน้อยจากสารแปลกปลอม
  • จะเห็นผลหลังการฉีดประมาณ 4-6 สัปดาห์ แล้วค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยผลจะคงอยู่นาน 2-3 ปี
  • เป็นสารที่ย่อยสลายได้ จึงมีความเสี่ยงต่ำกว่า
  • จะให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากกว่า เนื่องจากเป็นการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่

Radiesse

  • ประกอบด้วย Calcium Hydroxyapatite ซึ่งเป็นอนุภาคที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ในร่างกาย
  • ทำหน้าที่เติมเต็มบริเวณที่ต้องการทันที และร่างกายจะสร้างคอลลาเจนมาหุ้มอนุภาคในภายหลังระยะเวลาผลการรักษา
  • จะเห็นผลทันทีหลังการฉีด แต่ผลจะคงอยู่ประมาณ 12-18 เดือน
  • อาจเกิดปัญหาการอักเสบได้เนื่องจากมีอนุภาคตกค้างในร่างกาย

งานวิจัย Sculptra VS Radiesse ที่กระตุ้นคอลลาเจนได้ดีที่สุด

     จากงานวิจัยตามหลักวิทยาศาสตร์ ที่ได้มีการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของ Sculptra และ Radiesse ในการกระตุ้นการ สร้างคอลลาเจน พบว่า Sculptra สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีกว่า Radiesse ซึ่งในงานวิจัยชิ้นนี้มีประเมินการเปลี่ยนแปลงของคอลลาเจนด้วยเทคนิคการถ่ายภาพด้วยแสงโพลาไรซ์ หลังจากฉีด Sculptra และ Radiesse พบว่า Sculptra ให้ผลการเพิ่มคอลลาเจนมากกว่าอย่างชัดเจน

Sculptra VS Radiesse ตัวไหนอยู่ได้นาน

     โดยปกติแล้วหลังจากฉีด Sculptra ผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 2-3 ปี ในขณะที่ผลของ Radiesse จะอยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน ซึ่งเหตุผลที่ทำให้ Sculptra อยู่ได้นานกว่าเป็นเพราะ กลไกการออกฤทธิ์ของ Sculptra ที่กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้กระบวนการนี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ หลังได้รับการฉีด

Sculptra

     เป็นสารที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้ ทำให้ตัวสารนั้นค่อยๆ หมดไปแต่กระบวนการสร้างคอลลาเจนจากร่างกายยังดำเนินต่อไป

Radiesse

     เป็นแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ ซึ่งไม่สามารถย่อยสลายได้ จึงมีผลการกระตุ้นที่จำกัดเฉพาะช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น

Sculptra VS Radiesse ต้องพักฟื้นไหม เจ็บไหม

     Sculptra ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นนาน สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ทันทีหลังการรักษา แต่อาจมีอาการบวม แดง หรือเจ็บบริเวณที่ทำเล็กน้อย และอาการจะค่อยๆดีขึ้นภายใน 2-3 วัน ในขณะที่ Radiesse มีโอกาสเกิดอาการบวมและรอยฟกช้ำได้มากกว่า ซึ่งระดับความเจ็บปวดขึ้นอยู่กับบริเวณและปริมาณการฉีด แต่โดยทั่วไปจะเจ็บปวดมากกว่า Sculptra และอาจเกิดอาการบวม แดง ซึ่งจะค่อยๆ หายไปได้เองภายใน 1 สัปดาห์

สามารถฉีด Sculptra และ Radiesse ร่วมกันได้ไหม

     แม้จะมีคุณสมบัติที่คล้ายกันคือช่วยยกกระชับให้ผิวดูเด็กลง แต่ Sculptra และ Radiesse สามารถฉีดร่วมกันได้ และจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น เพราะ Radiesse จะให้ผลการยกกระชับและเติมเต็มผิวทันที เนื่องจากเป็นอนุภาคเติมเต็ม ในขณะที่ Sculptra จะค่อยๆ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ได้ผิวที่กระชับและเต่งตึงในระยะยาวนอกจากนี้ Radiesse อาจมีปัญหาการตกค้างของอนุภาค ทำให้การใช้ร่วมกับ Sculptra ช่วยลดปริมาณที่จำเป็นต้องใช้

  • หากพูดถึงในเรื่องของระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์ Sculptra ต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผล การใช้ร่วมกับ Radiesse จะให้ผลเริ่มต้นทันที และการฉีดทั้งสองอย่างนี้ร่วมกันจะทำให้ผลการรักษามีระยะเวลายาวนานกว่าการใช้แต่ละตัวเพียงอย่างเดียว

ฉีด Sculptra และ Radiesse ตรงไหนได้บ้าง

Sculptra

  • บริเวณแก้ม เพื่อยกกระชับ เติมเต็มให้ใบหน้าดูเต่งตึง
  • รอบคาง และขากรรไกร เพื่อลดความหย่อนคล้อย ปรับรูปหน้าให้เรียวสวย
  • ร่องแก้ม เพื่อเติมเต็มให้ดูกระชับเรียบเนียนขึ้น
  • รอบริมฝีปาก เพื่อเติมเต็มริ้วรอย ให้ดูอิ่มเอิบ

Radiesse

  • คิ้วหน้าผาก
  • ปลายจมูก เพื่อยกปลายจมูกให้ดูสวยงาม
  • รอยย่นระหว่างคิ้ว เพื่อลบรอยย่น
  • ร่องผ่านศูนย์กลางใบหน้า เพื่อเติมเต็มให้ดูกระชับมากขึ้น

FAQ คำถาม Radiesse vs Sculptra ที่พบบ่อย

ความแตกต่างระหว่าง Radiesse และ Sculptra?

Radiesse ประกอบด้วยอนุภาคแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ ขณะที่ Sculptra เป็นโพลิเมอร์จากกรดแลคติกที่ร่างกายสามารถย่อยสลายได้

Radiesse VS Sculptra ตัวไหนให้ผลทันที?

Radiesse จะให้ผลการยกกระชับทันทีหลังการฉีด เนื่องจากเป็นการเติมเต็มด้วยอนุภาค ส่วน Sculptra ต้องรอประมาณ 4-6 สัปดาห์จึงจะเริ่มเห็นผล

Radiesse และ Sculptra ตัวไหนอยู่ได้นานกว่ากัน?

โดยทั่วไป Sculptra จะให้ผลระยะยาว คงอยู่ได้นาน 2-3 ปี ส่วน Radiesse อยู่ได้ประมาณ 12-18 เดือน

Radiesse และ Sculptra มีความเสี่ยงเรื่องอะไรบ้างที่ต้องพึงระวัง?

Radiesse และ Sculptra ถือว่าเป็นฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัย แต่อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น บวม แดง หรือระคายเคือง ซึ่งสามารถหายได้เองภายใน 1 สัปดาห์

สรุปRadiesse vs Sculptra เทียบชัดแบบไหนดีกว่ากัน

สำหรับใครที่ต้องการหน้าเด็กและดูอ่อนวัยขึ้น การฉีด Sculptra และ Radiesse ถือเป็นทางเลือกฟิลเลอร์ตัวท็อปหน้าเด็ก ที่ช่วยให้เห็นผลได้ดี ซึ่งอาจจะมีลักษณะและคุณสมบัติที่แตกต่างกันเล็กน้อย แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เพื่อเลือกที่เหมาะสมกับความต้องการ หรือเลือกทำทั้งสองแบบเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด นอกจากนี้ยังควรหาข้อมูลก่อนการตัดสินใจ และเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ตรงโดยเฉพาะ

Scroll to Top