กังนัมคลินิก เป็นคลินิกที่ให้บริการแบบมาตรฐานเกาหลี
ปกเว็ป-02
”แพทย์กังนัมคลินิก“ เทรนนิ่งเทคนิกการฉีด เพื่อสิ่งที่ดีที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้า
previous arrowprevious arrow
next arrownext arrow

เจาะลึก NAD+ IV Therapy นวัตกรรมชะลอวัย มิติใหม่ในการดูแลสุขภาพ

          NAD+ IV Therapy ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมชะลอวัยทางการแพทย์ ที่ช่วยดูแลสุขภาพและช่วยชะลอวัยได้ดีจากภายในสู่ภายนอก เพราะเป็นตัวช่วยที่ทำหน้าที่ชะลอวัย ฟื้นฟูร่างกายได้ตั้งแต่ระดับ DNA ซึ่งในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ NAD+ IV Therapy กันอย่างเจาะลึกว่าคืออะไร แตกต่างจากการดริปวิตามินผิวอย่างไร และสามารถช่วยชะลอวัยได้อย่างไรบ้าง

ดริปวิตามินผิว (IV Drip) คืออะไร

          ดริปวิตามินผิว (IV Drip) เป็นกระบวนการบำรุงผิวพรรณรูปแบบใหม่ ที่ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส มีความชุ่มชื้น และยังมีส่วนช่วยในการชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ด้วยการให้สารอาหารและวิตามินต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับผิวโดยตรงเข้าสู่กระแสเลือด ผ่านทางการติดตั้งสายน้ำเกลือแทนการรับประทานเข้าไปทางปาก ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารเหล่านั้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อดริปเสร็จแล้ว แพทย์จะให้นอนพักเพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มที่ก่อนกลับบ้าน

NAD+ คืออะไร

          NAD+ หรือ Nicotinamide Adenine Dinucleotide เป็นสารอนุพันธ์วิตามินบี 3 ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารชะลอความเสื่อมสภาพของร่างกาย ที่เป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญในการซ่อมแซมดีเอ็นเอ ช่วยรักษาเสถียรภาพของยีนและลดการสูญเสียข้อมูลทางพันธุกรรม ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการชะลอความแก่ชราของเซลล์ นอกจากนี้ NAD+ ยังมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ และความแก่ก่อนวัย

           ดังนั้น การรักษาระดับ NAD+ ให้เพียงพอในร่างกายจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เราสามารถได้รับ NAD+ จากอาหารบางประเภท เช่น เนื้อสัตว์ ถั่ว ผักใบเขียว รวมถึงการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิด เพื่อสุขภาพที่ดี และการชะลอวัยจากภายในระดับเซลล์

ร่างกายขาด NAD+ จะเกิดอะไรขึ้น ?

          อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า NAD+ เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ร่างกายช่วยชะลอความเสื่อมสภาพ ช่วยซ่อมแซมดีเอ็นเอต่างๆ ในร่างกาย หากร่างกายขาด NAD+ จะส่งผลกระทบในหลายด้าน ดังนี้

  • พลังงานในเซลล์ของร่างกายลดลง

    เนื่องจาก NAD+ มีบทบาทสำคัญในกระบวนการสร้างพลังงาน (ATP) จากการสลายกลูโคส หากขาดจะทำให้เซลล์ขาดพลังงานในการทำงาน
  • ภาวะเมแทบอลิซึมผิดปกติ

    พราะ NAD+ เป็นโคเอนไซม์ที่จำเป็นสำหรับปฏิกิริยาเมแทบอลิกหลายชนิด การขาดจะทำให้เกิดความผิดปกติในการเผาผลาญสารอาหารต่างๆ
  • ความเสียหายต่อดีเอ็นเอเพิ่มขึ้น

    เนื่องจาก NAD+ มีบทบาทในการซ่อมแซมดีเอ็นเอ การขาดจะทำให้เกิดการสะสมความเสียหายต่อดีเอ็นเอมากขึ้น
  • อนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น

    เพราะ NAD+ มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุแก่โรคต่างๆ
  • ร่างกายแก่เร็วขึ้น

    เนื่องจากการขาด NAD+ จะทำให้เกิดความผิดปกติในกระบวนการเมแทบอลิซึม ความเสียหายต่อดีเอ็นเอ อนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเสื่อมสภาพของเซลล์เร็วขึ้น
  • ภูมิคุ้มกันลดลง

    มีงานวิจัยพบว่า NAD+ มีบทบาทในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยเฉพาะเซลล์เม็ดเลือดขาว
  • สุขภาพหลอดเลือดแย่ลง

    เนื่องจากNAD+ ช่วยในการไหลเวียนและขยายของหลอดเลือด การขาดจึงอาจทำให้หลอดเลือดแข็งตัว

NAD+ มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร ?

         NAD+ หรือ Nicotinamide Adenine Dinucleotide มีประโยชน์หลากหลายต่อร่างกาย โดยเฉพาะในการสร้างพลังงาน ควบคุมกระบวนการเมแทบอลิก ซ่อมแซมดีเอ็นเอ ต้านอนุมูลอิสระ และบำรุงสุขภาพโดยรวม ในปัจจุบันจึงมีความนิยมในการเสริม NAD+ เพื่อรักษาสุขภาพและชะลอวัย นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ดังนี้

  • ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับเซลล์

    NAD+ เป็นโคเอนไซม์สำคัญในกระบวนการสร้างพลังงาน (ATP) จากการสลายกลูโคส ช่วยให้เซลล์ทุกชนิดมีพลังงานเพียงพอในการทำงาน
  • ช่วยในกระบวนการเมแทบอลิซึม

    NAD+ เป็นโคแฟกเตอร์จำเป็นสำหรับปฏิกิริยาเมแทบอลิกนับร้อยชนิด เช่น การสลายไขมัน การสังเคราะห์กรดอะมิโน การเผาผลาญแอลกอฮอล์ เป็นต้น
  • ช่วยซ่อมแซมและรักษาดีเอ็นเอ


    NAD+ มีบทบาทสำคัญในกระบวนการซ่อมแซมดีเอ็นเอ ช่วยลดการสะสมความเสียหายจากอนุมูลอิสระและรักษาเสถียรภาพของยีน
  • ช่วยต้านอนุมูลอิสระและชะลอความแก่

    NAD+ มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคและความแก่
  • ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด

    NAD+ ช่วยขยายหลอดเลือดและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ส่งผลดีต่อระบบไหลเวียนและระบบหัวใจ

NAD+ IV Therapy คืออะไร

          NAD+ IV Therapy เป็นการบำบัดโดยการนำสารประกอบ NAD+ (Nicotinamide Adenine Dinucleotide) เข้าสู่ร่างกายโดยตรงผ่านทางการดริปเข้าสู่กระแสเลือด แทนที่จะได้รับจากการรับประทานอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตามปกติ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมและใช้ประโยชน์จาก NAD+ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจาก NAD+ เป็นสารสำคัญที่มีบทบาทหลักในกระบวนการเผาผลาญพลังงานของเซลล์ การซ่อมแซมดีเอ็นเอ ต้านอนุมูลอิสระและชะลอวัย จึงมีผู้เชื่อว่าการเสริม NAD+ โดยวิธีนี้จะช่วยบำรุงสุขภาพ เพิ่มพลังงาน ขจัดของเสียและสารพิษ ลดอาการดื้อยาจากการติดสารเสพติด รวมถึงชะลอความแก่ของเซลล์

การลดลงของ NAD+ ทำให้เกิดความชราจริงไหม

การลดลงของระดับ NAD+ ในร่างกาย ทำให้เกิดความชราได้จริง เนื่องจากมีหลักฐานจากงานวิจัยหลายชิ้นที่สนับสนุนว่า

  • ระดับ NAD+ ในเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกายจะลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น โดยพบว่าในผู้สูงอายุจะมีระดับ NAD+ ต่ำกว่าวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่
  • การลดลงของ NAD+ ทำให้เกิดความผิดปกติในกระบวนการสร้างพลังงานในเซลล์ ส่งผลให้เซลล์มีพลังงานไม่เพียงพอในการซ่อมแซมและบำรุงตัวเอง ทำให้มีการเสื่อมสภาพไปตามวัย
  • NAD+ มีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมดีเอ็นเอ เมื่อระดับ NAD+ ลดลงจึงทำให้ DNA มีความเสียหายเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดภาวะชราเร็วขึ้น
  • การลดลงของ NAD+ ทำให้เกิดการสะสมอนุมูลอิสระมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของความชรา
  • งานวิจัยพบว่าการเสริม NAD+ เข้าไปในหนูทดลอง สามารถชะลอการแก่หรือการชราได้

          ดังนั้น NAD+ จึงมีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการชราภาพ การรักษาระดับให้เพียงพอจะช่วยชะลอความชราตามปกติวิสัยได้ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และวิธีการต่างๆ เช่น การดริป NAD+ เพื่อเพิ่มระดับในร่างกาย  

ทำไม Nad + จึงมีความสำคัญต่อการชะลอวัย?

          NAD+ หรือ Nicotinamide Adenine Dinucleotide เป็นสารประกอบที่มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการชะลอวัยของเซลล์และร่างกาย ซึ่งมีส่วนในการควบคุมการสร้างพลังงานหลัก (ATP) ของเซลล์ ซึ่งหากเซลล์มีพลังงานเพียงพอก็จะสามารถทำงาน ซ่อมแซมและบำรุงตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชะลอการเสื่อมสภาพตามวัย

          นอกจากนี้ NAD+ ยังเกี่ยวข้องกับกระบวนการซ่อมแซมความเสียหายของดีเอ็นเอ โดยช่วยลดการสะสมความผิดปกติที่เป็นสาเหตุหนึ่งของความชรา อีกทั้งยังมีส่วนเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเอนไซม์ Sirtuins ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการยืดอายุเซลล์ ช่วยคงความสมดุลของโปรตีน และเร่งกระบวนการเผาผลาญ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบ ซึ่งเป็นกระบวนการพื้นฐานของความชราอีกด้วย

การทำ NAD+ Therapy เหมาะกับใคร

การทำ NAD+ Therapy หรือการเสริมระดับ NAD+ โดยวิธีการต่างๆ เช่น การดริป NAD+ เข้าหลอดเลือดนั้น เหมาะสำหรับกลุ่มบุคคลดังต่อไปนี้

  • ผู้สูงอายุ

    เนื่องจากระดับ NAD+ ในร่างกายจะลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น การเสริม NAD+ จึงช่วยชะลอความชราของเซลล์และลดโอกาสเกิดโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอายุที่เพิ่มขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการเพิ่มพลังงานและสมรรถภาพร่างกาย

    เนื่องจาก NAD+ มีบทบาทสำคัญในการสร้างพลังงานให้กับเซลล์ การเสริมจึงช่วยเพิ่มพลังงาน ความแข็งแรง และสมรรถภาพการออกกำลังกาย
  • ผู้ที่ต้องการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย

    NAD+ มีบทบาทในการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบ
  • ผู้ที่ต้องการชะลอวัย

    เนื่องจาก NAD+ มีบทบาทต่อกลไกการชะลอวัยหลายประการ จึงมีความเชื่อว่าการเสริม NAD+ จะช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์และเนื้อเยื่อได้
  • ผู้ป่วยที่มีภาวะเซลล์เสื่อม

    เช่น โรคสมองเสื่อม อัลไซเมอร์ เนื่องจาก NAD+ มีบทบาทในการซ่อมแซมเซลล์ประสาท

ใครที่ไม่เหมาะกับการทำ NAD+ IV Therapy

ผู้ที่อาจไม่เหมาะสมกับการทำ NAD+ IV Therapy หรือไม่ควรทำการดริปสารละลาย NAD+ เข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง ได้แก่

  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ NAD+ หรือส่วนประกอบอื่นๆ ในสารละลายที่ใช้ดริป
  • สตรีมีครรภ์ หรือกำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตร
  • ผู้ป่วยที่มีปัญหาไต เนื่องจากอาจเกิดการสะสมของ NAD+ และอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้
  • ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงหรือมีโรคหัวใจอย่างรุนแรง เนื่องจาก NAD+ อาจส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัวมากเกินไป
  • ผู้ที่มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด เช่น โรคเกล็ดเลือดต่ำ เพราะอาจส่งผลเสียต่อการแข็งตัวของเลือดได้
  • ผู้ป่วยมะเร็งในระยะรุนแรง เนื่องจาก NAD+ อาจมีผลต่อการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิด
  • ผู้ที่กำลังได้รับการรักษาด้วยยาบางชนิด เช่น ยาขยายหลอดเลือด ยาละลายลิ่มเลือด เนื่องจากอาจเกิดปฏิกิริยารุนแรงได้

ข้อดีของการดริปวิตามิน NAD+ IV Therapy

การดริปวิตามินเอ็นเอดีพลัส (NAD+ IV Therapy) เป็นทางเลือกการรักษาที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน โดยมีข้อดีที่หลากหลายดังนี้

  • ช่วยเพิ่มระดับพลังงานและความสดชื่นให้ร่างกาย

    เนื่องจาก NAD+ เป็นโคแฟคเตอร์สำคัญในกระบวนการผลิตพลังงานเซลล์ การเพิ่มระดับ NAD+ จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างพลังงานได้

  • มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและชะลอวัย

    NAD+ มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดภาวะอายุเพิ่มขึ้น
  • ช่วยปรับสมดุลเซลล์ในร่างกายและกระบวนการซ่อมแซมเซลล์

    เนื่องจาก NAD+ มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์โปรตีนและซ่อมแซมดีเอ็นเอ
  • ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับความเสื่อมของเซลล์

    เช่น โรคอัลไซเมอร์และโรคพาร์กินสัน จากการศึกษาวิจัย
  • ช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ง่ายขึ้น

    เนื่องจากเป็นการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ทำให้ร่างกายดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เตรียมก่อนทำ NAD+ IV Therapy มีอะไรบ้าง ?

  • ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

    ก่อนทำ NAD+ IV Therapy ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประวัติการแพ้ยา ประวัติโรคประจำตัว และยาที่รับประทานอยู่ เพื่อประเมินความเสี่ยงและปรับขนาดยาให้เหมาะสม
  • งดอาหารและเครื่องดื่มบางประเภท

    งดอาหารและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงก่อนทำการรักษา เนื่องจากคาเฟอีนอาจส่งผลต่อการดูดซึมและการทำงานของ NAD+
  • งดสุรา นิโคตินและสารอื่นๆ ตามคำแนะนำของแพทย์

    เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อการรักษา
  • ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการรักษาให้เข้าใจ

    เพื่อความพร้อมและลดความวิตกกังวล
  • พักผ่อนให้เพียงพอ

    เพื่อป้องกันการอ่อนเพลีย อาการปวดหรือวิงเวียนศีรษะหลังทำ NAD+ IV Therapy

ข้อควรปฏิบัติหลังการทำ NAD+ Therapy

  • พักผ่อนอย่างเพียงพอ

    การได้รับ NAD+ อาจทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าในระยะแรก ควรพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อฟื้นฟูร่างกาย
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ

    เพื่อช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย และทดแทนน้ำที่สูญเสียไประหว่างการรักษา
  • งดสุรา งดสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงสารเสพติดอื่นๆ

    เนื่องจากอาจส่งผลต่อการดูดซึมและการทำงานของ NAD+
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก

    ในช่วงแรกหลังการรักษา จนกว่าร่างกายจะฟื้นตัวดี
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

    อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เพื่อเสริมสร้างพลังงานให้กับร่างกาย
  • สังเกตอาการผิดปกติ

    หากมีอาการข้างเคียงรุนแรง เช่น คลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะมาก ควรปรึกษาแพทย์ทันที
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

    เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจาก NAD+ IV Therapy และลดความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดขึ้นได้

ทำไมต้องทำ NAD+ IV Therapy ที่ Gangnam

  • ใช้ตัวยาของแท้ ที่ผ่านมาตรฐาน อย.

    กังนัมคลินิก เป็นคลินิกชื่อดังที่มีเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ เซเลป ดาราคนดัง รวมถึงคนทั่วไป ที่ให้การยอมรับ เนื่องจากใช้ตัวยาแท้ ที่ผ่านมาตรฐาน ทำให้มั่นใจได้เลยว่าปลอดภัย ได้มาตรฐานทั้งไทยและเกาหลี
  • มีสาขาให้เลือกเยอะ

    ที่กังนัมคลินิก เขาเปิดมากกว่า 10 สาขาครอบคลุมการเดินทาง ทำให้เดินทางง่าย สะดวก ไม่ว่าอยู่ในพื้นที่ไหน ก็สามารถเดินทางไปทำได้ง่าย
  • ราคาเหมาะสม

    ในเรื่องของราคาของที่นี่ก็มีความสมเหตุสมผล ไม่ถูกหรือแพงจนเกินไป ราคาจับต้องได้ โดยไม่ต้องเดินทางไปทำถึงเกาหลี
  • มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแลอย่างใกล้ชิด

    ที่สำคัญที่นี่เค้ามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้บริการ ทั้งให้คำปรึกษา ตลอดจนการเข้ารับบริการ การรักษา และหลังการรักษา ที่คอยให้คำแนะนำทั้งก่อนและหลังอย่างดี เพื่อให้ได้คุณภาพสูงสุด

ผู้ป่วยโรคไหนเหมาะกับการทำ NAD+ Therapy

  • ผู้ป่วยติดสารเสพติด

    NAD+ ช่วยบรรเทาอาการถอนพิษและลดความอยากจากการเสพสารเสพติด เช่น แอลกอฮอล์ โคเคน นิโคตินและยาเสพติดอื่นๆ จึงนิยมใช้ในการบำบัดผู้ติดสารเสพติด
  • ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับความเสื่อมของเซลล์สมอง

    เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสันและกลุ่มอาการชรา เนื่องจาก NAD+ มีบทบาทในการซ่อมแซมดีเอ็นเอและลดความเสียหายของเซลล์สมอง
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน

    จากการศึกษาพบว่า NAD+ อาจช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลินและลดระดับน้ำตาลในเลือด
  • ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดฃ

    NAD+ มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง
  • ผู้ป่วยอ่อนล้าเรื้อรัง

    เนื่องจาก NAD+ มีบทบาทในการผลิตพลังงานของเซลล์ จึงอาจช่วยเพิ่มระดับพลังงานและบรรเทาอาการอ่อนล้าได้

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยแต่ละรายอาจมีข้อบ่งชี้หรือข้อควรระวังเฉพาะ จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับการบำบัด เพื่อความปลอดภัยและได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด

ใครที่ไม่ควรเติมวิตามิน NAD+

  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร

    เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ตั้งครรภ์ และลูกได้
  • ผู้ที่มีภาวะไตล้มเหลว

    NAD+ อาจเพิ่มระดับครีเอตินีนในเลือด ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีภาวะไตเสื่อม
  • ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ไต และความดันโลหิต

    NAD+ อาจส่งผลต่อยาที่ใช้รักษาโรคเหล่านี้
  • ผู้ที่มีโรคมะเร็ง

    NAD+ อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง

ดริปวิตามิน แตกต่างจากการกินอาหารเสริมไหม

          การดริปวิตามิน และการกินอาหารเสริม เป็นจุดประสงค์ที่เหมือนกันคือ เพิ่มวิตามินและแร่ธาตุในร่างกาย ซึ่งมีความแตกต่างกันที่ การฉีดวิตามิน เป็นการฉีดสารอาหารหรือวิตามินเข้าเส้นเลือดโดยตรง ทำให้ดูดซึมสารอาหารหรือวิตามินได้ไวกว่าการกินอาหารเสริม ขณะที่การกินอาหารเสริมเป็นการกินเม็ด แคปซูล ผง หรือของเหลว ที่สกัดออกมาเป็นตัวยาหรือเม็ดวิตามิน แม้ว่าร่างกายจะดูดซึมได้ช้า และเห็นผลช้ากว่าการดริปวิตามิน แต่สามารถอยู่ในร่างกายได้นานกว่าการดริปวิตามิน

ดริปวิตามิน, ฉีดวิตามินผิว, NAD+ IV Therapy เหมือนกันไหม

          การดริปวิตามิน ฉีดวิตามินผิว และ NAD+ IV Therapy เป็นการให้สารอาหารเข้าสู่ร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำ แต่ละวิธีมีสูตรวิตามินและสารอาหารที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งานดังนี้

การดริปวิตามิน

          เป็นการให้วิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารอื่นๆ เข้าสู่ร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำ โดยแพทย์จะทำการเจาะเข็มและต่อสายน้ำเกลือที่ผสมวิตามินสูตรต่างๆ ซึ่งสูตรวิตามินที่ใช้จะขึ้นอยู่กับความต้องการและปัญหาสุขภาพของแต่ละบุคคล ซึ่งการดริปวิตามิน จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้รวดเร็ว ทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ไว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มพลังงาน เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงผิวพรรณ หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่าง

การฉีดวิตามินผิว 

          จะมีลักษณะคล้ายกับการดริปวิตามิน แต่จะเน้นไปที่วิตามินและสารอาหารที่ช่วยบำรุงผิวพรรณโดยเฉพาะ เช่น วิตามินซี กลูต้าไธโอน ไฮยาลูรอนิกแอซิด ซึ่งนิยมใช้เพื่อช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส ลดรอยสิว รอยฝ้า กระ   และริ้วรอยก่อนวัย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง อ่อนเยาว์

NAD+ IV Therapy

          เป็นการให้สาร NAD+ (Nicotinamide Adenine Dinucleotide) เข้าสู่ร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำ ซึ่ง NAD+ เป็นสารประกอบที่พบได้ตามธรรมชาติในเซลล์ของร่างกาย มีบทบาทสำคัญในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน การซ่อมแซมเซลล์ และการชะลอวัย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มพลังงาน ชะลอวัย และลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ ซึ่งจำเป็นต้องปรึกษาและอยู่ในความดูแลของแพทย์

สรุป NAD+ IV Therapy นวัตกรรมชะลอวัย มิติใหม่ในการดูแลสุขภาพ

          สำหรับใครที่สนใจเรื่องศาสตร์การชะลอวัย และอยากดูแลสุขภาพ นวัตกรรมความงามอย่าง NAD+ IV Therapy ก็ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมความงามทางการแพทย์ที่ตอบโจทย์ แต่ก่อนตัดสินใจทำควรหาข้อมูล เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนทำให้และดูแลอย่างใกล้ชิด และควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ก่อนทำ เพื่อให้ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Scroll to Top