เมโสชาแนล กับ เมโสซีลีน มีข้อดีข้อเสียอย่างไร? เหมาะกับใครบ้าง ?

การฉีดเมโสหน้าใส เป็นหนึ่งตัวช่วยที่นิยมกันเป็นอย่างมากในปัจจุบัน โดยการฉีดนำสารบำรุงต่าง ๆ เข้าไปในชั้นผิว ทำให้ได้ผลรวดเร็วทันใจ ซึ่งเมโสชาแนลก็เป็นหนึ่งในหัตถการเมโสหน้าใสยอดฮิตของวัยรุ่นทั้งไทยและเทศ แล้วยังมีเมโสอีกชนิดหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมก็คือ เมโสซีลีน แล้วเมโสซีลีนคืออะไร เทียบกับเมโสชาแนลแล้วเป็นอย่างไรบ้าง เหมาะกับใครบ้าง บทความนี้มีคำตอบให้

เมโสชาแนล คืออะไร ?

เมโสชาแนล (Meso Chanel) โดยคำว่า ชาแนล มาจากการนำชื่อ Luxury Brand อย่าง Chanel มาใช้เพื่อเพิ่มความเป็นไฮเอนด์ให้แก่ตัวยา มีด้วยกัน 2 ยี่ห้อ คือ Filorga NCTF และ L’ebss เมโสชาแนลจะเป็นสารสกัดในกลุ่มไฮยาลูรอนิกแอซิดแบบโมเลกุลเดี่ยว ซึ่งมีความเหลว ไม่ขึ้นรูปและสลายตัวได้ง่ายหลังฉีดเข้าใบหน้า นำมาผสมกับสารบำรุงผิวต่าง ๆ เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามิน หรือแร่ธาตุ อยู่ในรูปแบบสารน้ำ สามารถซึมเข้าสู่ผิวชั้นลึกโดยไม่ทำให้เกิดการอุดตันที่เส้นเลือด
บทความนี้จะมาพูดถึงยี่ห้อ L’ebss Ampoule Skin booster หรือ L’ebss กล่องชมพู ที่ถูกเรียกว่าเมโสชาแนลกัน

ส่วนประกอบสำคัญของเมโสชาแนล

• ไฮยาลูรอนิกแอซิด (HA : Hyaluronic Acid) เป็นสารธรรมชาติที่ร่างกายสามารถผลิตขึ้นมาเองได้ แต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น อัตราการผลิตก็จะลดน้อยลง HA มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ทำให้ผิวสามารถกักเก็บน้ำได้ดี ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น ดูสุขภาพดี
• Pink Yeast สารสกัดยีสต์จากดอกซากุระ เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย 
• เปปไทด์ 14 ชนิด เป็นโปรตีนที่มีความสำคัญต่อการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิว
• กรดอะมิโน จะช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างเซลล์ผิวหนังและกระบวนการสร้างคอลลาเจน
• กลูตาไธโอน เป็นสารที่ร่างกายสามารถผลิตเองได้ แต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น อัตราการผลิตก็จะลดน้อยลง กลูตาไธโอนจะช่วยปกป้องเนื้อเยื่อจากการทำลายโดยสารอนุมูลอิสระและกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย อีกทั้งยังช่วยเปลี่ยนเม็ดเมลานินสีน้ำตาลและดำให้กลายเป็นสีชมพู ส่งผลให้สีผิวมีความกระจ่างใสขึ้น 

หลักการทำงานของเมโสชาแนล ?

เมื่อใบหน้าถูกฉีดด้วยเมโสชาแนล ตัวยาจะซึมเข้าสู่ผิวในทันที ส่วนประกอบสำคัญที่อยู่ในตัวยาทั้ง ไฮยาลูรอนิกแอซิด เปปไทด์ สารอนุมูลอิสระ กรดอะมิโน และกลูตาไธโอน จะช่วยกระตุ้นให้ Growth Factor ทำงานได้ดียิ่งขึ้น และยังช่วยให้ Fibroblast ซึ่งเป็นเซลล์สำคัญที่เป็นตัวสร้างโปรตีนอย่างคอลลาเจนและอิลาสติน โดยทั้งสองชนิดเป็นโครงสร้างที่สำคัญของชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวมีความแข็งแรง มีความชุ่มชื้นกระจ่างใส แลดูสุขภาพดี

เมโสชาแนล ช่วยเรื่องอะไร ?

• ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวมีความเรียบเนียน เต่งตึง มีความอ่อนเยาว์ลง
• ช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลง
• ช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า
• ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ใบหน้า และยังช่วยลดความมันบนใบหน้าได้อีกด้วย
• ช่วยให้ผิวมีความฉ่ำวาวดั่งกระจก ตามเทรนด์ Glass Skin 
• ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส สีผิวมีความสม่ำเสมอ

ผลลัพธ์ของเมโสชาแนล

สามารถเห็นผลได้หลังจากฉีดประมาณ 3 วัน ในช่วงเดือนแรกควรฉีดทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยผลลัพธ์จะได้อยู่ประมาณ 1 เดือน หากต้องการคงผลลัพธ์สามารถเว้นฉีดเป็นทุก ๆ 4 สัปดาห์ได้  ผลลัพธ์อาจจะแตกต่างกันในแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับสภาพผิว การดูแลผิว และลักษณะการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคนอีกด้วย

ข้อดีของเมโสชาแนล

• ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
• สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำและจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ โดยจะต้องทำอย่างสม่ำเสมอ
• เห็นผลลัพธ์ได้ไวกว่าใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า 
• ผิวหน้ามีความแข็งแรงขึ้นและดูสุขภาพดีอย่างเห็นได้ชัด

ข้อเสียของเมโสชาแนล

• การฉีดเมโสชาแนลมีราคาที่ค่อนข้างสูง
• เมโสชาแนลไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ถาวร จึงต้องกลับมาฉีดซ้ำอย่าสม่ำเสมอ
• หลังฉีดอาจมีอาการบวมแดงตามรอยเข็มที่ฉีด แต่สามารถหายเองได้ภายใน 2-3 ชั่วโมง หากยังไม่หายหรือเป็นหนักขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษา 

เมโสชาแนลเหมาะกับใคร

• เหมาะกับผู้ที่มีผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอกัน
• เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า
• เหมาะกับผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง ต้องการให้รูขุมขนกระชับขึ้น
• เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน ไม่ชุ่มชื้น

เมโสซีลีน คืออะไร ?

เมโสซีลีน (Meso Celine) เป็นชื่อเรียกของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสกินบูสเตอร์ (Skin Booster) โดยคำว่า ซีลีน มาจากการนำชื่อ Luxury Brand อย่าง Celine มาใช้เพื่อเพิ่มความเป็นไฮเอนด์ให้แก่ตัวยา โดยจะเรียกยี่ห้อ L’ebss รุ่น Lumi Serum หรือ L’ebss กล่องเหลือง ว่า เมโสซีลีน เมโสซีลีน เป็นผลิตภัณฑ์อีกหนึ่งตัว ที่นำมาฉีดบนใบหน้า เพื่อบำรุงและฟื้นฟูผิวหน้าให้กระจ่างใส สุขภาพดี เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดรอยสิว ฝ้า กระ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิวได้ โดยซีลีนจะเน้นการให้ผิวที่กระจ่างใส ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอกัน เนื่องจากมีสารที่ทำให้ผิวมีความ Brightening มากกว่าเมโสตัวอื่นนั่นเอง 

ส่วนประกอบสำคัญของเมโสซีลีน

• Rose Yeast เป็นสารสกัดยีสต์จากดอกกุหลาบ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
• กรดทรานเอ็กซามิก (Tranexamic Acid) เป็นสารที่ถูกสังเคราะห์เพื่อเลียนแบบกรดอะมิโนชื่อว่า ไลซีน มีคุณสมบัติในการช่วยลดเม็ดสีเมลานิน ทำให้ผิวขาวใส อีกทั้งยังสามารถลดฝ้า กระ และจุดด่างดำ ได้อีกด้วย
• กลูตาไธโอน (Glutathione) เป็นสารที่ร่างกายสามารถสร้างเองได้ แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น อัตราการผลิตสารนี้ก็จะลดลง มีหน้าที่ในการปกป้องการถูกทำลายของเนื้อเยื่อจากอนุมูลอิสระ กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย และยังช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้แก่ผิวอีกด้วย

หลักการทำงานของเมโสซีลีน ?

เมื่อฉีดเมโสซีลีนเข้าไปแล้ว จะเกิดขั้นตอนของการออกฤทธิ์ด้วยกัน 5 ขั้น ดังนี้

ขั้นที่ 1 ช่วยทำความสะอาดและปรับสมดุลผิวที่ไม่มีชีวิตชีวาจนไม่สามารถรับสารอาหารได้
ขั้นที่ 2 ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์สังเคราะห์ MITF (Microphtalmia-associated Transcription Factor) และเมลานิน ซึ่งจะช่วยให้ยับยั้งการสังเคราะห์เม็ดสีเมลานินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขั้นที่ 3 เร่งการขจัดเซลล์ผิว โดยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวและเร่งการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว จะช่วยฟื้นฟูผิวที่หมองคล้ำ
ขั้นที่ 4 เมื่อมีการยับยั้งเม็ดสีเมลานิน ผิวจึงลดการระคายเคืองและเกิดการปลอบประโลมผิว
ขั้นที่ 5 ฟื้นฟูการทำงานของผิวและปรับโทนผิว ด้วยกรดอะมิโน แร่ธาตุ และวิตามิน

เมโสซีลีน ช่วยเรื่องอะไร ?

เมโสซีลีน เป็นการเติมสารอาหารบำรุงผิว ฉีดแล้วจะซึมเข้าสู่เซลล์ผิวโดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใด ไม่ทิ้งตะกอนไว้ โดยตัวซีลีนจะเด่นในเรื่องยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินด้วยทรานเอ็กซามิกและทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นด้วยกลูตาไธโอน ดังนั้นตัวยาจะช่วยเรื่องปัญหาที่เกิดจากเม็ดสีเมลานินทำงานปกติ ไม่ว่าจะเป็น รอยดำ รอยแดง ผิวหน้าหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอกัน กระ ฝ้า เป็นต้น

โดยจะมีการปรับโทนสีผิวเพิ่มขึ้น 4.28% หลังจากฉีด 8 อาทิตย์ มีการยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น 8% หลังจากฉีด 12 อาทิตย์ และมีการปรับปรุงผิวคล้ำเพิ่มขึ้นถึง 10.98% หลังจากฉีด 12 อาทิตย์

ผลลัพธ์ของเมโสซีลีน

ปัญหาเรื่องจุดด่างดำ รอยสิว รอยกระ ฝ้า จะค่อย ๆ จางลง โดยความเข้มของเม็ดสีเมลานินบนใบหน้าค่อย ๆ น้อยลงภายใน 4 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความตื้นลึกของเม็ดสีเมลานิน ควรทำอย่างต่อเนื่อง 3-4 สัปดาห์ต่อครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 1-3 เดือน ขึ้นอยู่กับการพฤติกรรมการดูแลผิว และการใช้ชีวิตของแต่ละคน

ข้อดีของเมโสซีลีน

• ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้เลย แต่อาจจะต้องระวังเรื่องการออกแดดหรือการทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อน
• สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อทำอย่างสม่ำเสมอและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
• เห็นผลไวกว่าการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า
• ผิวหน้าแข็งแรง กระจ่างใส ดูสุขภาพดี

ข้อเสียของเมโสซีลีน

• การฉีดเมโสซีลิน เป็นหัตถการที่ผลลัพธ์ไม่ได้อยู่ถาวร จึงต้องกลับมาทำซ้ำอย่างสม่ำเสมอ 
• การฉีดแต่ละครั้ง ราคาค่อนข้างสูง 
• อาจมีอาการบวมแดงบริเวณรอยเข็ม แต่สามารถหายเองได้ภายใน 2-3 ชั่วโมง หากเป็นหนักควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับการรักษา

เมโสซีลีนเหมาะกับใคร

• เหมาะกับผู้ที่ผิวถูกทำร้ายจากแสงแดด
• เหมาะกับผู้ที่มีผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอกัน
• เหมาะกับผู้ที่มีฝ้าหรือกระบนใบหน้า
• เหมาะกับผู้ที่มีรอยดำหรือรอยแผลจากสิว

เมโสชาแนล กับ เมโสซีลีนต่างกันอย่างไร ?

ทั้งเมโสชาแนลและเมโสซีลีนต่างเป็นหัตถการที่ช่วยในเรื่องการบำรุงผิว ปรับผิวหน้าให้กระจ่างใส ลดริ้วรอยต่าง ๆ ทำให้ผิวแข็งแรงดูสุขภาพดีเช่นเดียวกัน แต่เมโสซีลีนจะมีสารเพิ่มความกระจ่างใส Brightening ทำให้เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความขาวผ่องให้แก่ใบหน้า

เมโสชาแนล กับ เมโสซีลีนฉีดพร้อมกันได้ไหม ?

หากคนไข้ท่านใดมีอาการผิวแห้งกร้านและหมองคล้ำ สามารถใช้ชาแนลคู่กับซีลีนได้ ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะดีขึ้นไปกว่าเดิมและเห็นผลได้ไวขึ้นอีกด้วย แต่จะให้ดีควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเข้ารับบริการทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของตัวคนไข้เอง 

รีวิวเมโสชาแนล และ ฉีดเมโสซีลีน ที่กังนัมคลินิก

สรุปเมโสชาแนล กับ เมโสซีลีน มีข้อดีข้อเสียอย่างไร? เหมาะกับใครบ้าง ?

เมโสชาแนลกับเมโสซีลีนเป็นหัตถการที่ช่วยเรื่องบำรุงผิวคล้าย ๆ กัน ทั้ง ลดริ้วรอยบนใบหน้า ปรับผิวให้กระจ่างใสแบบ Glass Skin แต่สำหรับผู้ที่ต้องการความขาวผ่อง จะเหมาะกับเมโสซีลีนมากกว่า โดยเมโสทั้ง 2 ตัวมีความปลอดภัยสูง สามารถซึมเข้าสู่เซลล์ผิวได้ทันที และสลายไปตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งตะกอนตกค้างไว้ อย่างไรก็ตามการเลือกทำหัตถการจะต้องเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและให้บริการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพยาวนาน และมีความปลอดภัย