Hifu กับ Botox ควรทําอันไหนก่อน ? แบบไหนดีกว่ากัน ? ทําพร้อมกันได้ไหม ?

Table of Contents

Hifu กับ Botox ควรทําอันไหนก่อน ? แบบไหนดีกว่ากัน ? ทําพร้อมกันได้ไหม ? หลาย ๆ คนอาจเกิดคำถามเหล่านี้  เพราะผลลัพธ์ของทั้งสองวิธีค่อนข้างใกล้เคียงกัน คือ ช่วยลดริ้วรอย สามารถปรับรูปหน้าให้เรียวได้ แต่จริง ๆ แล้วมีความแตกต่างกันพอสมควร บทความนี้จะมาให้คำตอบกับคำถามดังกล่าว เพื่อไขข้อสงสัยของผู้ที่สนใจทำ Hifu และ Botox พร้อมกับแนะนำวิธีการดูคลินิกในการทำหัตถการเพื่อความปลอดภัยของคนไข้เอง

การทำ Hifu คืออะไร ?

Hifu (High Intensity Focused Ultrasound) เป็นการหัตถการที่ช่วยยกกระชับผิวและสัดส่วน โดยใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง ยิงพลังงานเข้าไปที่ชั้นผิว ทำให้เกิดความร้อนสะสมที่ 60-70 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เนื้อเยื่อจะหดตัวแน่นขึ้น

Hifu ยังได้การรับรองจากองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา(USFDA) ในเรื่องการยกกระชับและฟื้นฟูสภาพผิวบริเวณใบหน้า ลำคอและเนินอก ยังสามารถนำมาปรับใช้กับส่วนอื่น ๆ ในร่างกายได้อีก อาทิเช่น ต้นแขน ต้นขา ใต้ตา หน้าท้อง เป็นต้น 

การทำ Hifu จะช่วยในการกระตุ้นสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิว ส่งผลให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และยังช่วยลดริ้วรอยตื้น ๆ ได้อีกด้วย สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น 2-4 สัปดาห์หลังทำ หากดูแลตัวเองได้ดีผลลัพธ์จะอยู่ได้นานถึง 1 ปีเลยทีเดียว

การทำ Botox คืออะไร ?

Botox (Botulinum Toxin A) เป็นการหัตถการที่ช่วยในเรื่องการลดริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า รวมไปถึงการยกกระชับผิวและสัดส่วน โดยใช้ตัวยาที่สกัดมาจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Clostridium Botulinum ฉีดเข้าไปในบริเวณที่ต้องการรักษา ตัวยาจะไปรบกวนการทำงานของระบบประสาท ส่งผลให้กล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ถูกดูดซึมเข้าไปและส่วนที่ถูกขับออกจากร่างกาย โดยส่วนนี้จะไปตามกระแสเลือดในระยะเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงหลังฉีดจากนั้นจะถูกขับออกไปจากร่างกายโดยไม่ส่งผลต่อเซลล์อื่น ๆ 
การทำ Botox จะช่วยในเรื่องการลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า ลดรอยเหี่ยวย่นใบหน้า จำพวก รอยตีนกา รอยหางตา รอยย่นบนหน้าผาก อีกทั้งยังช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อได้ด้วย สามารถลดกราม ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นได้  ปัจจุบันยังมาประยุกต์ใช้กับการแพทย์อีกด้วย เช่น ฉีดบริเวณรักแร้เพื่อลดเหงื่อ ฉีดเพื่อรักษาไมเกรนหรือปวดเกร็งต้นคอ เป็นต้น การฉีด Botox จะเริ่มผลเห็นตอน 3-7 วัน และจะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนภายใน 2-3 สัปดาห์หลังฉีด โดยตัวยาจะอยู่ได้นาน 5-6 เดือน หากดูแลตัวเองดีสามารถอยู่ได้นานถึง 8 เดือนเลยทีเดียว จากนั้นตัวยาจะสลายไปตามธรรมชาติ ไม่เกิดสารตกค้างและอันตรายต่อร่างกาย

Hifu กับ Botox เหมาะกับใคร ?

ทั้งสองวิธีต่างเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าดังนี้

  • เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอยบนใบหน้า ต้องการความอ่อนเยาว์บนใบหน้า
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระชับใบหน้าเพื่อให้ใบหน้าเรียบเนียนและเต่งตึงยิ่งขึ้น 
  • เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าให้เข้ารู มีกรอบหน้าที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

Hifu กับ Botox เหมือนกันอย่างไร ?

Hifu กับ Botox มีผลลัพธ์ที่เหมือนกันในเรื่องการลดริ้วรอยและการปรับรูปหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น แต่จะเป็นการใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงและการฉีดแทน

Hifu กับ Botox ต่างกันอย่างไร ?

Hifu กับ Botox ทั้งคู่ต่างให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกัน แต่ต่างกันตรงที่การออกฤทธิ์ ขั้นตอนการทำ รวมไปถึงความแตกต่างกันในด้านอื่น ๆ ดังนี้

ความแตกต่างทางด้านหลักการทำงาน

  • Hifu มีหลักการทำงานคือ การปล่อยพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงลงไปในชั้นเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อหรือ SMAS (Superficial Musculo Aponeurotic System) ทำให้ชั้นไขมันและชั้น SMAS เกิดการหดตัว จึงทำให้บริเวณที่ทำมีการยกกระชับขึ้นมา อีกทั้งยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ช่วยให้ผิวดูเต่งตึง หากทำ Hifu บริเวณแก้มหรือเหนียง ก็จะช่วยให้ใบหน้าดูเรียวมากขึ้นอีกด้วย
  • Botox มีหลักการทำงานคือ นำตัวยาที่สกัดมาจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า Clostridium Botulinum ฉีดเข้าไปในบริเวณที่ต้องการรักษา ซึ่งสารตัวนี้จะออกฤทธิ์โดยไปยับยั้งการปล่อยสารเคมี Acetylcholine จากส่วนปลายเซลล์ประสาท จะส่งผลให้กล้ามเนื้อคลายตัวลงชั่วคราว ผิวหนังบริเวณที่ฉีดจะเรียบเนียน ลดการเกิดรอยพับ ซึ่งตัว Botox มีอยู่ด้วยกันหลายยี่ห้อ โดยแต่ละยี่ห้อจะมีการทำงานที่คล้ายกัน แต่จะแตกต่างกันที่กระบวนการผลิต เทคโนโลยีในการผลิต ความบริสุทธิ์  เป็นต้น

ความแตกต่างทางด้านผลลัพธ์หลังทำ

  • Hifu จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ และจะเห็นผลลัพธ์ชัดขึ้นภายใน 4 สัปดาห์ และจะคงผลลัพธ์ได้ยาวนานกว่าถึง 1 ปี
  • Botox จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้หลังจากฉีดไปแล้วไม่เกิน 1 สัปดาห์ และผลลัพธ์ก็อยู่ได้ไม่นานเท่า Hifu 

ความแตกต่างทางด้านผลข้างเคียงหลังทำ

  • Hifu ผลข้างเคียงแทบไม่มีเลย ไม่มีการฉีดสารเข้าสู่ร่างกาย ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นใด ๆ ทั้งสิ้น 
  • Botox อาจมีผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์บ้าง เช่น อาการบวม แดง รอยช้ำบริเวณที่ฉีด ใบหน้าแข็งตึงเกินไป หากร้ายแรงและสามารถเห็นได้ชัดเลย คือ ตาตก ปากเบี้ยว หรือว่ายิ้มไม่สุด เป็นต้น 

โดยผลข้างเคียงของทั้งสองวิธีจะต้องใช้เครื่องมือและใช้ยาที่เป็นของแท้ และทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อกำจัดความเสี่ยงต่อการพบผลข้างเคียงหลังทำ 

Hifu กับ Botox อันไหนดีกว่า ?

หากต้องการเน้นการปรับรูปหน้าให้เรียว ลดแก้ม เหนียงและลำคอ สามารถใช้ Hifu เพื่อกระชับผิวที่หย่อนคล้อยได้ แต่ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องรูปหน้าแต่ต้องการที่จะเน้นเรื่องการลดริ้วรอยบนใบหน้า รวมไปถึงขนาดกราม ก็จะเหมาะกับการทำ Botox มากกว่า ดังนั้น Hifu กับ Botox อันไหนดีกว่ากันนั้น ต้องขึ้นอยู่กับว่า ใครเหมาะกับวิธีไหนมากกว่า แต่ละคนปัญหาไม่เหมือนกัน ถึงแม้ทั้งสองวิธีข้างต้น ให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกัน ทั้งเรื่องริ้วรอยและปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กลงได้ แต่ก็จะมีรายละเอียดยิบ ๆ ย่อย ๆ ที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นก่อนการทำหัตถการ จะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเท่านั้น เพื่อรับการประเมินและคำแนะนำ วิธีที่แก้ปัญหาได้ดีที่สุด รวมไปถึงเรื่องราคา จำนวนครั้งที่ต้องทำ และระยะเวลาของผลลัพธ์ ด้วยเพื่อประโยชน์ของตัวคนไข้เอง

Hifu กับ Botox ควรทำอันไหนก่อน ?

หากคนไข้ต้องการปรับรูปหน้า อาจจะต้องทำ Botox ก่อน เพราะเมื่อมีการฉีด Botox ลดกรามหรือ ฉีด Botox ลิฟท์กรอบหน้า จะใช้เวลา 14 วันถึง 1 เดือน เพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่ จากนั้นค่อยดูผลลัพธ์ที่ได้ว่าควร Hifu จุดไหนเพิ่มเติมหรือเปล่า เพื่อยกกระชับกรอบหน้าและผิวให้ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมไปถึงการเก็บริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า อย่างที่แจ้งไปก่อนหน้านี้ ควรจะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกครั้งก่อนทำหัตถการ เพื่อรับคำแนะนำถึงลำดับการทำหัตถการที่เหมาะสมแก่คนไข้รายคน

Hifu กับ Botox ทำพร้อมกันได้ไหม ?

สามารถทำได้ กรณีฉีด Botox ก่อน จะต้องเว้นระยะในการทำ Hifu อย่างน้อย 14-30 วัน เพื่อให้ Botox ออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่ จากนั้นค่อย Hifu เป็นจุด ๆ ไปแต่ถ้าต้องการทำพร้อมกันจริง ๆ แนะนำให้เริ่มจากการทำ Hifu ก่อนจากนั้นพักผิวหน้าสักระยะ และค่อยทำการฉีด Botox 
ปัจจุบันยังไม่มีแนวทางเวชปฏิบัติ (CPG-Clinical practice guidelines) สำหรับการทำหัตถการที่เรียงลำดับก่อนหรือหลัง หากมีหลายปัญหาที่ต้องการแก้ไขโดยใช้หลายวิธี จะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินปัญหาและเรียงลำดับการรักษาเป็นราย ๆ ไป 

เลือกคลินิกในการทำอย่างไร ?

การเลือกคลินิกที่จะทำหัตถการก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่จำเป็นในการเลือกทำ Hifu และ Botox เพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

  • คลินิกที่ทำจะต้องได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข มีเลขใบอนุญาต 11 หลักอย่างถูกต้อง
  • แพทย์ที่ทำหัตถการ จะต้องเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีรายชื่ออยู่ในแพทย์สภาเท่านั้น 
  • คลินิกจะต้องใช้เครื่องมือแท้และยาแท้เท่านั้น สามารถตรวจสอบกับบริษัทที่นำเข้าได้
  • มีรีวิวจากคนไข้ที่เข้ารับบริการจริง มีความเป็นกลาง เห็นภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังการทำหัตถการเพื่อประกอบการตัดสินใจของคนไข้เอง
  • คลินิกจะต้องมีช่องทางการติดต่อที่ชัดเจน กรณีต้องการคำแนะนำหรือมีปัญหาหลังจากการทำหัตถการ 

สรุป Hifu กับ Botox ควรทําอันไหนก่อน ? แบบไหนดีกว่ากัน ? ทําพร้อมกันได้ไหม ?

การทำ Hifu และ Botox ให้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกัน สามารถปรับรูปหน้าและลดริ้วรอยได้เหมือนกัน แต่จะมีความแตกต่างกันในรายละเอียดบางอย่าง เช่น หลักการทำงาน ผลลัพธ์ และผลข้างเคียง เป็นต้น โดยทั้ง Hifu และ Botox สามารถทำควบคู่กันไปได้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น แต่จะต้องมีการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวิเคราะห์ปัญหาและจัดลำดับการทำก่อนหรือหลัง โดยจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น และจะต้องเข้ารับบริการหัตถการกับคลินิกที่ถูกกฎหมาย เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของตัวคนไข้เอง 

ปรึกษาหมอฟรี กังนัมคลินิก 40 สาขาใกล้บ้าน

Scroll to Top
gangnamclinicthailand