เชื่อว่าสำหรับใครหลาย ๆ คนที่มีความสนใจในหัตถการเสริมความงาม ต้องเคยได้ยินหัตถการ Anti-Aging 3 ชื่อนี้มาผ่าน ๆ อย่างแน่นอน แต่อาจจะมีคำถามว่า Juvelook, Rejuran, กับ Exosome ต่างกันยังไงนะ อันไหนเหมาะสมกับตัวเองที่สุดกันแน่? วันนี้จะมาแชร์ความรู้เพื่อไขข้อข้องใจนี้ ตั้งแต่กระบวนการทำงาน ประสิทธิภาพ ไปจนถึงการสิ่งที่ควรรู้เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนเลือกทำอันใดอันหนึ่ง
ฟื้นคืนผิวอ่อนวัยด้วย Rejuran (ส่วนประกอบอะไรบ้าง? ช่วยอะไร? ฉีดได้กี่ตำแหน่ง?)
Rejuran หรือ รีจูรัน คือหัตถการที่ช่วยเรื่องการฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาอ่อนวัยและคืนความมีชีวิตชีวา ความสดใสให้กับใบหน้า โดยเป็นเมโสหน้าใส (Mesotherapy) ยี่ห้อหนึ่งนั่นเอง Rejuran มีส่วนประกอบหลักของ โพลีนิวคลีโอไทด์ หรือ Polynucleotide (PN) ที่มาจาก DNA ของปลาแซลมอนที่มีความใกล้เคียงมนุษย์อย่างพวกเรามากที่สุดถึง 98% เลยทีเดียวดังนั้นจึงสามารถเข้ากับร่างกายมนุษย์ได้ดี รวมถึงมีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูสภาพผิวได้ดีด้วยเช่นกัน
โดยในการฉีด Rejuran จะเป็นการฉีด Polynucleotide ที่บริสุทธิ์เข้าสู่ผิวหนังโดยตรงเพื่อแทนที่เซลล์ที่เสื่อมสภาพแล้วเพื่อฟื้นฟูและสร้างเซลล์ใหม่ โดยนอกเหนือจากบนใบหน้าแล้ว ยังสามารถฉีดบริเวณอื่นได้ด้วยเช่นกัน เช่น ลำคอ และหลังมือ ผลลัพธ์ของการฉีด Rejuran มีดังนี้
- ฟื้นฟูสภาพผิวเพื่อลดปัญหาจากอายุที่มากขึ้น เช่น ริ้วรอยใต้ตา บริเวณลำคอ รูขุมขน รอยแดง-คล้ำ ฯลฯ
- ส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนเพื่อเพิ่มความ Elastic หรือความยืดหยุ่นของผิวที่ทำให้ผิวแลดูอ่อนวัยนั่นเอง
Rejuran เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่อายุเข้าใกล้วัย 30
- ผู้ที่เริ่มพบเจอปัญหาผิวหน้าแห้งกร้าน เริ่มหย่อนคล้อย และต้องการฟื้นฟูผิวที่เต่งตึงและชุ่มชื่น
- ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย ลดโอกาสการเติบโตของสิว
- ผู้ที่ต้องการลดจุดด่างดำ กระ ฝ้า รอยสิว ต้องการปรับผิวให้กระจ่าง สว่างใส ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น
Rejuran มีกี่สูตร? อะไรคือ Rejuran Healer?
Rejuran มีอยู่ 3 สูตร โดยสูตรที่ใช้เป็นหลักคือ Rejuran Healer (หรือ Rejuran กล่องดำ) เหมาะสมกับการใช้ทั่วใบหน้าเพื่อการฟื้นฟูสภาพผิวให้อิ่มฟู ชุ่มชื่น กระชับรูขุมขน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม Rejuran ก็ได้ออกสูตรอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อใช้เฉพาะจุดด้วยเช่นกัน
- Rejuran Healer (Rejuran กล่องดำ)
- Rejuran i (Rejuran กล่องขาว) ใช้สำหรับลดปัญหาริ้วรอยรอบดวงตาและปาก
- Rejuran S (Rejuran กล่องน้ำเงิน) จะเป็นสูตรที่ช่วยเรื่องการซ่อมแซมผิวหนังที่มีรอยแผล เช่น รอยแผลจากสิว
Rejuran กับ Skin Booster
Rejuran กับ Skin Booster มีจุดประสงค์ที่ใกล้เคียงกับการทำ SkinBooster แต่ทั้ง 2 มีส่วนประกอบหลักที่แตกต่างกัน โดยส่วนประกอบหลักที่ชู Skin Booster คือ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งจะเน้นการลดริ้วรอยเป็นหลัก แต่ PN ที่เป็นส่วนประกอบหลักของ Rejuran (Healer) จะมีบทบาทในการเข้าไปต่อต้านกระบวนการชราของเซลล์ และช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวได้ดี
รีวิวก่อน-หลังทำ Rejuran
ฉีด Rejuran ทีกังนัมคลินิก ราคาเท่าไหร่
Rejuran เป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ทางกังนัมคลินิกก็มีให้บริการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำZแนะนำสำหรับใครที่กำลังมีความสนใจใน Rejuran โดยการฉีด Rejuran จะมีราคาดังนี้
- 8,990 บาท สำหรับการฉีด 1 ครั้ง
- 42,500 บาท สำหรับการฉีด 5 ครั้ง (8,500 บาท/ครั้ง)
- 75,000 บาท สำหรับการฉีด 10 ครั้ง (7,500 บาท/ครั้ง)
บทความเพิ่มเติม : Rejuran ทางลัดผิวใสแบบเร่งด่วน ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
Juvelook ทางออกของปัญหาหลุมสิวและใต้ตา (มีส่วนประกอบอะไรบ้าง? ช่วยอะไร? ฉีดได้กี่ตำแหน่ง?)
Juvelook (จูวีลุค) คือไหมน้ำชนิดหนึ่งจากประเทศเกาหลีที่เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Collagen) เพื่อยกกระชับผิวหน้า โดยมีส่วนผสมหลัก 2 ตัวที่แตกต่างจาก Rejuran อย่างของ Poly D-L-Lactic Acid (PDLLA) และ Non-Crosslinked Hyaluronic Acid (HA) ที่มีบทบาทในการกระตุ้นคอลลาเจนอย่างธรรมชาติให้ผิวดูฉ่ำวาว เงาสะท้อนแสง และดูเต่งตึงมากขึ้น โดยในการฉีด Juvelook นั้น จะสามารถฉีดได้หลากหลายบริเวณทั่วใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นหน้าแก้ม หน้าผาก รอบดวงตา หลุมสิว เป็นต้น และมีประสิทธิภาพในการช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าดังนี้
- กระตุ้นคอลลาเจนบนใบหน้าให้ผิวดูฉ่ำวาว อิ่มฟู
- ช่วยกระชับรูขุมขนให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส
- ช่วยลดรอยคล้ำใต้ตาให้ดูสว่างใสยิ่งขึ้น ลดริ้วรอย ถุงใต้ตา และร่องน้ำตา
Juvelook อาจจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับใครที่มีปัญหาผิวดังนี้
- ผู้ที่รูขุมขนกว้าง มีหลุมสิว
- ผู้ที่มีตีนกา ริ้วรอยรอบใบหน้า เช่น บริเวณดวงตาหรือลำคอ
- ผิวขาดความเต่งตึง
รีวิวก่อน-หลังทำ Juvelook
ฉีด Juvelook ราคาเท่าไหร่
โดยทั่วไปแล้ว การฉีด Juvelook จะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 15,000-25,000 บาท/ขวด
Exosome Skin Booster กับการชะลอวัย (มีส่วนประกอบอะไรบ้าง? ช่วยอะไร? ฉีดได้กี่ตำแหน่ง?)
Exosome (เอ็กโซโซม) คืออีกหนึ่งในหัตถการที่กำลังเป็นกระแสด้วยประสิทธิภาพการฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพ รวมถึงชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวให้อ่อนเยาว์ ซึ่ง Exosome นั้นต่างจากหัตถการอีก 2 ตัวที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้เพราะมีส่วนประกอบของสารชีวโมเลกุลกว่า 1,000 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น Growth Factors, Peptides, Amino Acids, Coenzymes, HA และอื่น ๆ เป็นต้น และด้วยขนาดของ อนุภาคที่เล็กกว่าเซลล์ผิวของมนุษย์ถึง 1,000 เท่า ทำให้สารสามารถเข้าถึงเซลล์ผิวและทำงานได้ดี
Exosome ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
- ฟื้นฟูผิวให้อ่อนวัย แลดูกระชับยิ่งขึ้น ลดขนาดรูขุมขนและริ้วรอย
- รักษาหลุมสิว รอยดำ-แดงจากสิว
- ลดอาการอักเสบของผิว และลดอาการคัน ช่วยป้องกันการเกิดผื่นจากภูมิแพ้
- คุณสมบัติ Anti-aging ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์
Exosome กับการเร่งการเติบโตของเส้นผม
นอกจากนี้แล้ว ความโดดเด่นอีกอย่างของ Exosome คือการสามารถนำไปใช้เพื่อกระตุ้น Hair Growth หรือการเติบโตของเส้นผม เนื่องจากว่า Exosome มีประสิทธิภาพในการซ่อมแซมเซลล์ผิวบนศีรษะได้ด้วยเช่นกัน ถือว่าเป็นอีกทางออกสำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาผมร่วงผมบาง
ฉีด Exosome กับกังนัมคลินิก ราคาเท่าไหร่ (Exosome ASCE)
- 9,966 บาท สำหรับการฉีด 1 ครั้ง
- 26,966 บาท สำหรับการฉีด 3 ครั้ง (8,988 บาท/ครั้ง)
บทความแนะนำ : Exosome คืออะไร ? ดีกับผิวจริงไหม พร้อมแนะนำว่าทำในจุดไหนได้บ้าง
ตอบคำถามเกี่ยวกับการฉีด Juvelook, Rejuran และ Exosome
ทั้ง 3 ตัวมีปริมาณการฉีด และระยะเวลาการออกฤทธิ์ที่แตกต่างกันไป โดยขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน รวมถึงจุดประสงค์ในการฉีด ซึ่งจะต้องได้รับการประเมินจากทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้วทั้ง Juvelook, Rejuran และ Exosome มีระยะเวลาการแสดงผลและปริมาณที่เหมาะสมในการฉีดดังนี้
Juvelook ฉีดกี่ครั้ง? นานไหมกว่าจะเห็นผล? เจ็บไหม? ผลข้างเคียงหลังฉีด?
- ปริมาณและจำนวนครั้งที่ฉีด: ปริมาณยาที่ฉีด ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวที่แต่ละคนต้องการจะแก้ไข โดยถ้าหากต้องการรักษาริ้วรอย ความคล้ำใต้ตา เพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิว 1 ขวดถือว่าเพียงพอ แต่ถ้าหากริ้วรอยและความคล้ำใต้ตาชัดเจนมาก หรือต้องการแก้ไขถุงใต้ตา หลุมสิว รูขุมขนที่กว้างมาก แนะนำให้ฉีด 2-3 ขวดเพื่อประสิทธิภาพที่มากที่สุด โดยจะเป็นการฉีดครั้งละ 1 ขวด
- กี่วันเห็นผล: ระยะเวลาการแสดงผลของ Juvelook จะไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกันในเวลาเดียวกันซึ่งจะทยอยให้เห็นทีละช่วง โดยปัญหาใต้ตา ผิวขาดวอลลุ่ม จะสามารถเห็นผลได้ไวที่สุดในช่วงแรกทันทีหลังฉีด และ 2-4 สัปดาห์ถัดมา HA จะเริ่มออกกระตุ้นคอลลาเจนในผิวทำให้ผิวยืดหยุ่น อิ่มฟู และหลัง 6 เดือนเป็นต้นไปหลังจากคอลลาเจนมีจำนวนมากที่สุด จะเห็นผลลัพธ์ของหลุมสิวที่ตื้น รูขุมขนที่กระชับขึ้น และผิวที่ฉ่ำวาว เต่งตึง
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน: ถ้าหากฉีดอย่างต่อเนื่อง ผลลัพธ์จะอยู่ได้ยาวนานถึง 1 ปีครึ่ง (18 เดือน)
- ความเจ็บ: ด้วยเข็มที่มีขนาดเล็ก ระหว่างการฉีด Juvelook จะไม่ค่อยเจ็บ
- ผลข้างเคียงหลังฉีด: หลังการฉีด Juvelook จะทิ้งรอยตุ่มอยู่ไม่นาน โดยจะลดเลือนหายไปในระยะเวลาที่รวดเร็ว เหมาะกับใครที่ต้องการพักฟื้นไม่นาน
Rejuran ฉีดกี่ครั้ง? นานไหมกว่าจะเห็นผล? เจ็บไหม? ผลข้างเคียงหลังฉีด?
- ปริมาณและจำนวนครั้งที่ฉีด: ปริมาณยาขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด โดยจะฉีดปริมาณที่ 4 ml. สำหรับบริเวณทั่วใบหน้า 2 ml. สำหรับบริเวณแก้ม ลำคอ หรือหลังมือ โดยจะฉีดประมาณ 4 ครั้ง (เว้นระยะห่างกันครั้งละ 2-3 สัปดาห์)
- กี่วันเห็นผล: Rejuran จะค่อย ๆ ทยอยแสดงผลลัพธ์ทีละช่วง โดยผลลัพธ์ที่เห็นได้เร็วที่คือสภาพผิวที่ชุ่มชื้นและเรียบเนียนขึ้นในช่วง 3-5 วันแรกหลังฉีดครั้งที่ 1
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน: อยู่ได้นานถึง 6-8 เดือน
- ความเจ็บ: เจ็บเล็กน้อยขณะฉีดเนื่องจากเป็นการฉีดลงผิวหนังชั้นกลาง แต่ด้วยเข็มที่บางและการใช้ยาชาขณะฉีดจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บได้ดี
- ผลข้างเคียงหลังฉีด: อาจมีรอยบวมแดงเล็กน้อย แต่จะหายไปภายใน 2-3 วัน
Exosome ฉีดกี่ครั้ง? นานไหมกว่าจะเห็นผล? เจ็บไหม? ผลข้างเคียงหลังฉีด?
- ปริมาณและจำนวนครั้งที่ฉีด: ควรฉีดอย่างต่อเนื่องใน 3 ครั้งแรก (เว้นระยะทุก 2 สัปดาห์) เมื่อครบ 3 ครั้งให้เว้นช่วง 1 เดือนก่อนจะฉีดครั้งที่ 4 และเว้นช่วงอีก 1 ปี ก่อนฉีดครั้งที่ 5
- กี่วันเห็นผล: สามารถเห็นผลได้ใน 3 วันแรกหลังฉีด
- ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน: อายุของผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งที่ฉีด โดยหากฉีดครั้งเดียวก็จะมีผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานถึง 1 เดือน แต่ถ้าหากทำครบ 5 ครั้งจะสามารถอยู่ได้ถึง 1 ปี
- ความเจ็บ: ไม่เจ็บเนื่องจากมียาชาช่วยทำให้ไม่รู้สึกถึงความเจ็บ
- ผลข้างเคียงหลังฉีด: หลังฉีดอาจมีตุ่มบริเวณที่ใช้เข็มฉีด แต่จะค่อย ๆ ยุบตัวไปเอง
ข้อเสีย ข้อควรระวัง อันตรายไหม
การฉีด Juvelook, Rejuran และ Exosome นั้นสามารถไว้วางใจได้ในเรื่องของคุณภาพและความปลอดภัยถ้าหากเลือกใช้บริการกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญและคลินิกที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ได้มาตรฐาน
ดังนั้นควรที่จะระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยและคุณภาพของตัวยา โดยควรเลือกคลินิกที่มีความเชื่อถือและไว้วางใจได้ที่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้เท่านั้น หลีกเลี่ยงการฉีดกับแพทย์ที่ขาดประสบการณ์และความสามารถ และควรตรวจสอบประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัวอย่างถี่ถ้วนกับแพทย์ก่อนฉีดเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อน
สรุป Juvelook Rejuran และ Exosome คืออะไร ราคาเท่าไหร่? ต่างกันอย่างไร? แต่ละตัวเหมาะกับใครที่สุด?
เพราะเรื่อง Anti-aging เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องพบเจอ และหลีกเลี่ยงได้ยาก ปัจจุบันวงการความสวยความงามได้มีตัวเลือกสำหรับการจัดการปัญหาดังกล่าวมากมาย เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่สามารถทำได้เองที่บ้าน อย่างไรก็ตาม สกินแคร์ก็มีข้อจำกัดและอาจจะทำให้ไม่สามารถเห็นผลที่ชัดเจนสมใจหวัง ดังนั้นหัตถการอย่าง Juvelook, Rejuran หรือ Exosome ก็เป็นอีกตัวเลือกสำหรับสาว ๆ ชาวไทยที่กำลังประสบปัญหาผิวจากอายุที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน