เพื่อนๆ รู้กันมั้ยคะว่า ‘การฉีดฟิลเลอร์’ ไม่จำเป็นต้องฉีดในปริมาณที่เยอะ ก็สามารถปรับรูปหน้าให้สมดุล รวมไปถึงการเติมเต็มริ้วรอย ที่ได้ผลลัพธ์ที่สวยเป๊ะ ดูเป็นธรรมชาติได้เช่นกัน
โดยฟิลเลอร์ 1 cc สามารถฉีดได้หลายตำแหน่ง เช่น ร่องแก้ม ขมับ คาง และใต้ตา เพื่อเติมเต็มให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ และมีมิติขึ้น อีกทั้งการฉีดฟิลเลอร์ยังช่วยลดโอกาสการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้อีกด้วยค่ะ หากเพื่อนๆ อยากทราบว่าฟิลเลอร์ 1 cc เพียงพอไหม ควรฉีดบริเวณไหนบ้างนั้น ในบทความนี้กังนัมคลินิกได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจมาให้เพื่อนๆ เรียบร้อยแล้ว จะมีอะไรบ้างไปดูคำตอบในบทความนี้กัน!
ฟิลเลอร์ 1 cc มีปริมาณเท่าไหร่กันแน่?
ฟิลเลอร์ 1 cc มีปริมาณเทียบเท่ากับ 1 มิลลิลิตร ซึ่งหากเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจน ปริมาณของฟิลเลอร์ 1 cc เมื่อฉีดออกจากไซริงค์จะมีขนาดประมาณเท่ากับเหรียญบาท นี่อาจดูเหมือนปริมาณเล็กน้อย แต่ด้วยคุณสมบัติของฟิลเลอร์ที่สามารถกระจายตัว และเข้ากับเนื้อเยื่อผิวได้ดี ทำให้เพียงแค่ 1 cc ก็เพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาเฉพาะจุด เช่น ร่องแก้ม ริ้วรอย หรือการปรับรูปหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อจะมีการบรรจุฟิลเลอร์ในปริมาณ 1 cc ต่อหลอดไซริงค์ ซึ่งในหนึ่งกล่องอาจจะมี 1-2 หลอด ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ โดยฟิลเลอร์จะถูกบรรจุไว้ภายในหลอดอย่างมิดชิด เพื่อความปลอดภัย และความมั่นใจในคุณภาพของการฉีดฟิลเลอร์นั้นเองค่ะ
บทความแนะนำ : ฉีดฟิลเลอร์คาง อันตรายไหม? รวมข้อควรรู้ Filler คางอย่างไรให้สวยเป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ 1cc เหมาะกับใครบ้าง?
ฟิลเลอร์ 1 cc เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับแก้จุดเล็ก ๆ บนใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลงที่มากจนเกินไป เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาใบหน้าเฉพาะจุด เช่น ริ้วรอยบาง ๆ หรือการปรับรูปหน้าเบา ๆ ซึ่งฟิลเลอร์ปริมาณนี้จะช่วยให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะในผู้ที่
- ผู้ที่ต้องการเติมเต็มริ้วรอยเล็กน้อย เช่น รอยย่นใต้ตา รอยลึกข้างจมูก หรือร่องแก้มเล็ก ๆ
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าเพียงเล็กน้อย เช่น ยกกระชับหรือปรับความสมดุลของใบหน้าเล็กน้อย โดยไม่ต้องการการฉีดจำนวนมาก
- ผู้ที่อยากลองฉีดฟิลเลอร์ สามารถเริ่มจากการฉีดปริมาณน้อยๆ อย่าง 1 cc เพื่อดูผลลัพธ์ และความพอใจหลังการฉีด
- ผู้ที่ต้องการเติมเต็มริมฝีปากหรือจมูก โดยเฉพาะในคนที่ต้องการปรับรูปให้ดูละมุน ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงมากเกินไป
- ผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ผู้ที่ไม่ได้มีปัญหาผิวเยอะ แต่ต้องการเพิ่มความเรียบเนียน กระจ่างใส และเติมเต็มบางส่วน
จะเห็นได้ว่าการฉีดฟิลเลอร์เพียง 1cc ก็สามารถให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้เช่นกัน ทั้งนี้ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ในแต่ละเคสอาจจะไม่เท่ากัน ต้องให้คุณหมอประเมินปัญหา และแนะนำปริมาณที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอีกทีค่ะ
ปริมาณที่เหมาะสมในการฉีดฟิลเลอร์
ปริมาณฟิลเลอร์ที่ควรฉีดนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น จุดที่ต้องการแก้ไข ลักษณะปัญหา และความต้องการของแต่ละบุคคล โดยจะขึ้นอยู่กับการประเมินของคุณหมอแต่ละท่านค่ะ แต่ทั่วไปแล้ว การฉีดฟิลเลอร์เพื่อผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ คุณหมอจะแนะนำให้ใช้ปริมาณที่เหมาะสมกับแต่ละบริเวณดังนี้
- ใต้ตา (Tear Troughs): ประมาณ 0.5-1 cc ต่อข้าง
- ร่องแก้ม (Nasolabial Folds): 1-2 cc ต่อข้าง ขึ้นอยู่กับความลึกของร่อง
- ขมับ (Temples): ประมาณ 1-2 cc ต่อข้าง ขึ้นอยู่กับความยุบของขมับ
- แก้มส้ม (Cheeks): ประมาณ 0.5-2 cc ต่อข้าง เพื่อให้แก้มดูอิ่มฟูและมีมิติ
- คาง (Chin): 1-2 cc ขึ้นอยู่กับความต้องการในการปรับรูปทรง
- กรอบหน้า (Jawline): ประมาณ 1-2 cc ต่อข้าง เพื่อสร้างกรอบหน้าชัดเจน
- ริมฝีปาก (Lips): ประมาณ 0.5-2 cc สำหรับเพิ่มความอิ่มฟู
- หน้าผาก (Forehead): 1-3 cc ขึ้นอยู่กับปริมาณริ้วรอย และความลึก
8 จุด ฉีดฟิลเลอร์ 1 cc เน้นให้หน้าเป๊ะ
ต้องบอกก่อนว่าการฉีดฟิลเลอร์ปริมาณ 1 cc นั้น แม้จะมีปริมาณที่ไม่มาก แต่ก็สามารถฉีดเพื่อแก้ไข ปรับรูปหน้าในจุดต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในบทความนี้กังนัมคลินิกได้รวบรวม 8 จุด ยอดนิยม ที่สามารถแก้ไขได้ด้วย 1cc มาให้แล้วค่ะ
- เติมใต้ตา
ลดความหมองคล้ำ ร่องลึก และริ้วรอยตื้นๆ บริเวณใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูสดใส และอ่อนเยาว์ขึ้น - เติมร่องแก้ม
ช่วยลดร่องลึกบริเวณร่องแก้ม ให้ใบหน้าดูเรียบเนียนขึ้น และดูเด็กขึ้น - เติมริมฝีปาก
ปรับแต่งริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม หรือแก้ไขริมฝีปากไม่สมดุล รวมทั้งยังสามารถแก้ไขปัญหาร่องปากลึก และริมฝีปากแตกได้อีกด้วย - เติมขมับ
แก้ไขขมับตอบหรือขมับยุบ ให้ใบหน้าสมดุล และดูละมุนอ่อนเยาว์ขึ้น - เติมคาง
ช่วยปรับคางให้มีความยาวและคมชัดขึ้น เพิ่มมิติให้กับใบหน้า - เติมจมูก
ปรับสันจมูก หรือยกปลายจมูก เพื่อให้จมูกดูโด่งได้สัดส่วน - เติมแก้มส้ม
ช่วยให้บริเวณแก้มดูเต็มอิ่มและมีมิติ เพิ่มความสดใสให้กับใบหน้า ช่วยสร้างรูปลักษณ์ที่ดูอ่อนเยาว์ และมีสุขภาพดี - ปรับสภาพผิว
ฉีดทั่วหน้าเพื่อปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน แก้ไขปัญหาหลุมสิวให้ตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ผลลัพธ์ระยะยาวของฟิลเลอร์ 1 cc: นานแค่ไหนถึงต้องเติมอีก?
ผลลัพธ์ของฟิลเลอร์ 1 cc ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่คนไข้เลือกใช้ ตำแหน่งที่ฉีด และการดูแลหลังฉีดค่ะ โดยทั่วไปผลลัพธ์จากการฉีดฟิลเลอร์จะคงอยู่ในร่างกายระหว่าง 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยเหล่านี้
- ตำแหน่งที่ฉีด
บริเวณที่เคลื่อนไหวบ่อย เช่น ริมฝีปากและร่องแก้ม ฟิลเลอร์จะสลายเร็วขึ้น (6-9 เดือน) ในขณะที่จุดที่เคลื่อนไหวน้อย เช่น ใต้ตาหรือขมับ อาจคงอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน - ชนิดของฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อมีความหนาแน่นและความยืดหยุ่นแตกต่างกัน บางยี่ห้ออาจสลายเร็วกว่า บางยี่ห้ออาจอยู่ได้นานกว่าปกติ - การดูแลหลังฉีด
หากหลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนสูงและทำกิจกรรมที่กระทบแรงๆ บริเวณที่ฉีด ฟิลเลอร์จะคงรูปและสลายช้าลง
ถ้าหากต้องการรักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่ ควรกลับมาเติมฟิลเลอร์ทุก 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของตัวคนไข้เอง และคำแนะนำของคุณหมอค่ะ
ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้ออยู่ได้นานแค่ไหน
ระยะเวลาของฟิลเลอร์จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อ และบริเวณจุดที่ฉีดค่ะ โดยทั่วไป ฟิลเลอร์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) จะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสูตร และความหนืดของตัวเนื้อฟิลเลอร์ ดังนี้
- ฟิลเลอร์ Neuramis
โดยทั่วไปอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีดและปัจจัยส่วนบุคคล - ฟิลเลอร์ Restylane Lidocaine
มีอายุการใช้งานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ฉีดและปัจจัยต่าง ๆ - ฟิลเลอร์ Restylane Perlane
ประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง และปริมาณที่ใช้ - ฟิลเลอร์ Juvederm Ultra
อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด - ฟิลเลอร์ Juvederm Voluma
เป็นฟิลเลอร์ที่มีความคงทนสูง สามารถอยู่ได้นานถึง 18-24 เดือน โดยเฉพาะในบริเวณที่ต้องการความเติมเต็มมาก - ฟิลเลอร์ Juvederm Volbella
มีอายุการใช้งานประมาณ 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ใช้ และการดูแลหลังการฉีด
โปรโมชั่น ฟิลเลอร์ 1 cc แต่ละยี่ห้อ ที่กังนัม
เนื่องจากฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อแต่รุ่นมีขนาดของโมเลกุลที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งมีผลต่อการคงตัวและอายุการใช้งานของฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อไม่เท่ากัน จึงทำให้ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อมีราคาที่แตกต่างดังนี้
- ฟิลเลอร์ Restylane lidocaine “1CC” ราคา 8,623 บาท
- ฟิลเลอร์ Restylane Perlane”1CC” ราคา 10,662 บาท
- ฟิลเลอร์ Juvederm Ultra “1CC” ราคา 10,662 บาท
- ฟิลเลอร์ Juvederm Voluma “1CC” ราคา 10,662 บาท
- ฟิลเลอร์ Juvederm Vobella “1CC” ราคา 10,662 บาท
ราคาดังกล่าวจะเป็นราคาเริ่มต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการเลือกใช้ รวมถึงการพิจารณาของแพทย์
วิธีเลือกคลินิกก่อนเข้ารับบริการ
แม้ว่าฟิลเลอร์จะถือเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง แต่เพื่อความปลอดภัยที่ดีที่สุด ควรทำการฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ และประสบการณ์เท่านั้น การเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และมีรีวิวจากลูกค้าจริงที่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญ ควรหลีกเลี่ยงการฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีใบอนุญาตชัดเจน และตรวจสอบให้แน่ใจว่าคลินิกที่ให้บริการใช้ฟิลเลอร์แท้ และได้รับการรับรองจาก อย. เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อน ดูไม่สวยงาม หรือไหลไปยังบริเวณอื่น ๆ ซึ่งอาจส่งผลอันตรายถึงระดับการตาบอดหรือต่อชีวิตได้หากฟิลเลอร์ไหลเข้าสู่ดวงตา หรืออาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้นั้นเองค่ะ
ทำไมต้องฉีดฟิลเลอร์ที่กังนัม
- วิเคราะห์ใบหน้าโดยผู้เชี่ยวชาญ
เริ่มจากการวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้าของผู้รับบริการ โดยคำนึงถึงอวัยวะต่างๆ และปัญหาที่ต้องการแก้ไข เพื่อให้สามารถเลือกจุดที่เหมาะสมในการฉีดได้อย่างมีประสิทธิภาพ - เลือกประเภทฟิลเลอร์
ใช้ฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับจุดที่จะฉีดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และคุ้มค่าที่สุดแก่คนไข้ - เทคนิคการฉีด
ใช้เทคนิคการฉีดที่ละเอียด และนุ่มนวล เพื่อให้ฟิลเลอร์กระจายตัวได้ดี ลดโอกาสการเกิดภาวะก้อนหรือ การเป็นก้อนแข็ง ซึ่งจะช่วยให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น - ใช้ฟิลเลอร์แท้ ผ่านการรับรอง
ที่กังนัมคลินิกเราใช้ฟิลเลอร์แท้ได้รับการรับรองจาก อย. ที่สามารถตรวจสอบได้
สรุปฟิลเลอร์ 1 cc เพียงพอมั้ย? ต้องฉีดจุดไหนให้หน้าเป๊ะ ดูเป็นธรรมชาติ? ฉบับกังนัมคลินิก
การฉีดฟิลเลอร์เป็นหนึ่งในหัตถการที่ได้รับความนิยมสูงในวงการความงาม โดยเฉพาะในประเทศไทย เนื่องจากสามารถช่วยปรับรูปหน้า เติมเต็มริ้วรอย และสร้างความสมดุลให้กับใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้ว่าจะใช้ปริมาณเพียง 1 cc ก็เพียงพอต่อการได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ โดยสามารถฉีดในจุดต่างๆ บนใบหน้าได้ เช่น แก้ม ร่องแก้ม ปาก คาง ขมับ แก้ม จมูกบริเวณใต้ตา รวมไปถึงฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับสภาพผิวได้อีกด้วย
ทั้งนี้ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อมีระยะเวลาการอยู่ได้ที่แตกต่างกัน โดยเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ใช้ และตำแหน่งที่ฉีด นอกจากนี้ การดูแลตัวเองหลังการฉีดของคนไข้ ก็มีความสำคัญในการยืดอายุของฟิลเลอร์ให้ยาวนานขึ้นอีกด้วยค่ะ
สำหรับคนที่สนใจโปรโมชั่นหรือข้อมูลหัตถการต่างๆสามารถแอดไลน์@gangnamclinicและช่องทางFacebook เพื่อสอบถามโปรโมชั่นเพิ่มเติมและสามารถเข้ามาปรึกษาหมอฟรีที่กังนัมคลินิกใกล้บ้านคุณโดยไม่มีค่าใช้จ่าย