หากพูดถึงปัญหาความงามยอดฮิตที่หลายคนมีความกังวลบนใบหน้า ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องรูปหน้าที่ไม่เรียวสวย ไม่ว่าจะเป็นปัญหา หน้าเหลี่ยม กรามใหญ่ หรือแก้มเยอะ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่หลายคนต้องเจอ ทำให้การทำหัตถการหน้าเรียวแบบไม่ต้องผ่าตัด เช่น โบท็อกซ์ลดกราม, Hifu, Ulthera, ร้อยไหม กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่หลายคนให้ความสนใจ
แต่หลายคนอาจจะมีคำถามอยู่ว่า การทำหัตถการหน้าเรียวแบบไม่ต้องผ่าตัดเหล่านี้ มีความแตกต่างกันอย่างไร และควรเลือกทำแบบไหนให้เหมาะกับปัญหาและความต้องการของเรา ในบทความนี้เราจึงจะพาไปหาคำตอบกันว่า หัตถการหน้าเรียวแบบไม่ต้องผ่าตัด โบท็อกซ์ลดกราม, Hifu, Ulthera, ร้อยไหม คืออะไร ช่วยอะไรบ้าง และควรเลือกแบบไหนดีให้เหมาะกับเรากัน
หัตถการหน้าเรียวแบบไม่ต้องผ่าตัด มีอะไรบ้าง
HArmonyCa Filler เป็นฟิลเลอร์แบบไฮบริดที่ผสมผสานระหว่างสาร Hyaluronic Acid (HA) และสาร Calcium Hydroxyapatite (CaHA) เข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์แบบ Dual Effect ที่จะเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีเช่นเดียวกับฟิลเลอร์ทั่วไป และกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ในระยะยาวและอยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป จึงเป็นอีกหนึ่งหัตถการยอดนิยมในการแก้ปัญหาผิวสำหรับคนที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่ดีและยาวนาน
โบท็อกซ์ลดกราม

การฉีดโบท็อกซ์ลดกราม เป็นการฉีดสาร Botulinum Toxin A เข้าไปในกล้ามเนื้อบริเวณกราม เพื่อยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาทชื่อว่า Acetylcholine (อะซีทิลโคลีน) ที่บริเวณปลายประสาทที่มาเลี้ยงกล้ามเนื้อกรามที่ชื่อว่า Masseter Muscle (กล้ามเนื้อแมสซีเตอร์) ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นเกิดการคลายตัวอ่อนลงชั่วคราว และทำให้กล้ามเนื้อกรามเล็กลงและใบหน้าดูเรียวขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด
ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์จะเริ่มเห็นผลลัพธ์หลังจากฉีดไปประมาณ 2-4 สัปดาห์ และผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 4-8 สัปดาห์ และผลลัพธ์จะไม่ได้อยู่ถาวร แต่จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้ในการฉีด ยี่ห้อของโบท็อกซ์ และการดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์ ไม่ว่าจะเป็นการเคี้ยวอาหาร หรือพฤติกรรมการนอนของแต่ละคน เช่น การนอนกัดฟัน เป็นต้น
ดังนั้นการฉีดโบท็อกซ์จึงเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหากรามใหญ่ที่เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อบริเวณกรามมากเกินไป แต่ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีกรามใหญ่จากโครงกระดูก เพราะโบท็อกซ์จะได้ผลดีกับการฉีดกล้ามเนื้อเท่านั้น
Hifu

HIFU หรือ High Intensity Focused Ultrasound เป็นหัตถการที่ใช้เทคโนโลยีคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ที่มีความเข้มข้นสูง ยิงเข้าไปบริเวณใต้ชั้นผิว SMAS ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อพยุงผิว ทำให้ผิวชั้นนั้นหดตัวและกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาในระยะยาว ส่งผลให้ผิวหน้าที่ดูหย่อนคล้อย ดูกระชับขึ้นได้ โดยเฉพาะบริเวณที่มีไขมันเยอะเช่น กรอบหน้า แก้ม เหนียง ทำให้ใบหน้าดูเรียวสวยขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัดให้เจ็บตัว จึงเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาไขมันสะสมหรือมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย และต้องการสร้างคอลลาเจนให้ผิวดูกระชับและใบหน้าดูเรียวขึ้น
โดยผลลัพธ์ของการทำ HIFU จะเริ่มเห็นอย่างชัดเจนประมาณ 1−3 เดือนหลังทำ และคงอยู่ได้นานประมาณ 6−12 เดือน เพราะเป็นการกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ทำให้เห็นผลลัพธ์อย่างค่อยเป็นค่อยไป และสามารถทำซ้ำได้เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ยาวนานมากขึ้น
Ulthera
Ulthera เป็นหัตถการยกกระชับผิวที่ใช้เทคโนโลยี คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ที่มีความเข้มข้นสูง (Microfocused Ultrasound) เช่นเดียวกับ HIFU แต่โดดเด่นกว่าด้วยคลื่นเสียงที่มีความแม่นยำสูง เพราะมีระบบหน้าจอแบบ Real-Time Visualization ช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นและยิงพลังงานลงสู่ผิวชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อพยุงผิวได้อย่างตรงจุด ส่งผลให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ที่มีคุณภาพสูง ทำให้ผิวหน้าที่ดูหย่อนคล้อยได้รับการ ยกกระชับ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะบริเวณกรอบหน้า แก้ม และเหนียง ส่งผลให้ใบหน้าดูเรียวสวยขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยปานกลางถึงมาก และต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานกว่า HIFU โดยผลลัพธ์จะเริ่มเห็นอย่างชัดเจนประมาณ 1−3 เดือนหลังทำ และคงอยู่ได้นานประมาณ 1−2 ปี
ร้อยไหม

ร้อยไหม เป็นอีกหนึ่งหัตถการหน้าเรียวแบบไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งจะเป็นการนำไหมละลายชนิดต่าง ๆ เช่น ไหม PDO (Polydioxanone), ไหม PLLA (Polylactate) และไหม PCL (Polycaprolactone) ร้อยเข้ากับเข็มที่ใช้ทางการแพทย์และสอดเข้าไปใต้ชั้นผิวหนัง จากนั้นแพทย์จะทำการดึงเส้นไหมออกมาทำให้เนื้อเยื่อผิวหนังบริเวณที่หย่อนคล้อยกลับมากระชับขึ้นได้อีกครั้ง นอกจากนี้ตัวไหมละลายที่อยู่ใต้ชั้นผิว ยังมีคุณสมบัติที่ช่วยสรางคอลลาเจนทำให้ผิวเต่งตึง กระชับมากขึ้นอีกด้วย
โดยผลลัพธ์ของการร้อยไหม จะเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ และจะค่อย ๆ เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นหลังทำประมาณ 1-2 สัปดาห์ ซึ่งผลลัพธ์ของการร้อยไหมจะอยู่ได้นาน 6 เดือน – 2 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมที่ทำและการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล ซึ่งไหมแต่ละชนิดจะมีระยะเวลาในการละลายที่แตกต่างกัน ดังนี้
- ไหม PDO (Polydioxanone) เป็นไหมที่มีความยืดหยุ่นสูงและเป็นที่นิยม แต่มีการย่อยสลายค่อนข้างเร็ว และอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน
- ไหม PLLA (Polylactate): เป็นไหมที่มีความแข็งแรงและทนทาน สามารถอยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน
- ไหม PCL (Polycaprolactone): เป็นไหมที่มีความยืดหยุ่นสูงและมีขนาดเส้นไหมที่ใหญ่ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการยกกระชับผิวที่มีความหย่อนคล้อยสูงและต้องการเห็นผลลัพธ์ที่ยาวนาน เพราะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 18-24 เดือน
หัตถการหน้าเรียวแบบไม่ต้องผ่าตัด เลือกทำแบบไหนดี
การเลือกหัตถการหน้าเรียวแบบไม่ต้องผ่าตัด ขึ้นอยู่กับปัญหาและสาเหตุของปัญหาที่ทำให้ใบหน้าไม่เรียวตามต้องการ จึงควรเลือกให้ทำหัตถการหน้าเรียวให้เหมาะกับปัญหาและความต้องการของแต่ละบุคคล ดังนี้
- โบท็อกซ์ลดกราม (Botox Masseter Reduction) เป็นการฉีดสาร Botulinum Toxin A เข้าไปในกล้ามเนื้อเพื่อให้ผ่อนคลายและมีขนาดเล็กลงเพียงชั่วคราว เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหากรามใหญ่หรือมีปัญหาหน้าไม่เรียวที่เกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณกราม
- HIFU / Ulthera เป็นหัตถการที่ช่วยยกกระชับและแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ด้วยการใช้เทคโนโลยีคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ที่มีความเข้มข้นสูง ทำให้หน้าเรียวกระชับขึ้น แต่ Ulthera จะมีความแม่นยำสูงกว่าทำให้ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมเยอะบริเวณแก้ม กรอบหน้า และเหนียง และต้องการเห็นผลลัพธ์ที่นานกว่า แต่มีความเจ็บมากกว่าการทำ Hifu
- ร้อยไหม (Thread Lift) เป็นหัตุการที่ช่วยแก้ปัญหาผิวที่มีความหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก และผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวให้หน้าเรียวสวยแบบเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนและอยู่ได้นาน เพราะเป็นหัตถการที่ใช้ไหมร้อยเข้าไปเพื่อนยกผิวที่หย่อนคล้อยให้กระชับขึ้นและผลลัพธ์จะอยู่ได้นานกว่าหัตถการหน้าเรียวแบบไม่ต้องผ่าตัดแบบอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับไหมที่เลือกใช้
หัตถการหน้าเรียวแบบไม่ต้องผ่าตัด มีข้อดีอย่างไร

การเลือกหัตถการหน้าเรียวแบบไม่ต้องผ่าตัด นอกจากจะไม่ต้องผ่าตัดให้เจ็บตัวแล้วยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งในเรื่องความปลอดภัย ความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต และค่าใช้จ่าย ดังนี้
- ไม่ต้องผ่านตัดให้เจ็บตัวและไม่เสียเวลาพักฟื้นนาน เมื่อทำหัตถการเสร็จแล้วสามารถกลับบ้านและใช้ชีวิตตามปกติได้เลย
- มีผลข้างเคียงน้อยและไม่มีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ มีเพียงแค่รอยแดงที่เกิดขึ้นขณะทำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และจะค่อย ๆ หายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์หลังทำ
- ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและสามารถปรับแก้ได้ตามต้องการ เพราะผลลัพธ์ไม่คงอยู่ถาวร และสามารถกลับมาทำซ้ำหรือแก้ไขได้
- มีหัตถการที่แก้ปัญหาผิวที่หลากหลาย สามารถเลือกให้ตรงกับปัญหาและความต้องการของตัวเองได้
- ราคาเริ่มต้นในการทำหัตถการหน้าเรียวแบบไม่ต้องผ่าตัด มีราคาต่ำกว่าการผ่าตัดหรือศัลยกรรมปรับรูปหน้า จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นแก้ปัญหาหน้าเรียวเพื่อแก้ปัญหารูปหน้าได้ง่ายขึ้น
หัตถการหน้าเรียวแบบไม่ต้องผ่าตัด เจ็บไหม
การทำหัตถการหน้าเรียวแบบไม่ต้องผ่าตัด มีความเจ็บระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง ขึ้นอยู่กับหัตถการแต่ละประเภทและความไวต่อความรู้สึกของแต่ละบุคคล แต่ระดับความเจ็บจะอยู่ในระดับที่สามารถทนได้ และมักจะมีการใช้ยาชาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดขณะทำซึ่งหากใครที่กลัวเจ็บหรือผิวไวต่อความรู้สึก สามารถแจ้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือเจ้าหน้าที่ให้ใช้ยาชาก่อนทำได้
หัตถการหน้าเรียวแบบไม่ต้องผ่าตัด ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล
การทำหัตถการหน้าเรียวแบบไม่ต้องผ่าตัด โดยปกติแล้วจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ เช่น ร้อยไหม และจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ หลังทำประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่หากเป็นหัตถการหน้าเรียวอื่น ๆ เช่น โบท็อกซ์ลดกราม, Hifu, Ulthera จะค่อย ๆ เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นหลังทำประมาณ 1-3 เดือน และควรทำอย่างต่อเนื่องทุก ๆ 3-6 เดือนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน
หัตถการหน้าเรียวแบบไม่ต้องผ่าตัด ที่ไหนดี

แม้ว่าการทำหัตถการหน้าเรียวแบบไม่ต้องผ่าตัด จะเป็นตัวเลือกที่มีความปลอดภัยสูงและมีข้อดีหลากหลาย แต่การเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานในการฉีดเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะต้องใช้เครื่องมือแท้ และต้องทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอันตรายและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด จึงควรพิจารณาจากปัจจัยดังต่อไปนี้
- เลือกคลินิกเสริมความงามที่น่าเชื่อถือ มีชื่อเสียงด้านการทำหัตถการ และมีรีวิวจากลูกค้าที่ใช้บริการจริง
- เลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์ในการทำหัตถการโดยเฉพาะ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยมากที่สุด
- เลือกคลินิกที่มีเทคโนโลยีและอุปกรณ์แท้ที่มีความทันสมัย เพราะเทคโนโลยีและอุปกรณ์ใหม่ ๆ จะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- มีสถานที่ตั้งชัดเจน โปร่งโล่ง มีการรักษาความสะอาดทั้งสถานที่และอุปกรณ์ในการทำหัตถการอยู่เสมอ
- มีให้เลือกหลายสาขา เดินทางสะดวก และมีช่องทางการติดต่อที่ชัดเจน
- มีการให้คำปรึกษาก่อนให้บริการ และติดตามผลการรักษาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจและปลอดภัย
ซึ่งที่กังนัมคลินิก เราเป็นคลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการทำหัตถการโดยเฉพาะที่มีเทคนิคเฉพาะที่สามารถประเมินและแก้ปัญหาให้เหมาะกับแต่ละบุคคลได้ นอกจากนี้ใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่เสมอ นอกจากนี้เรายังมีสาขาให้เลือกกว่า 43 สาขาทั่วประเทศ สามารถเลือกใช้บริการที่สาขาใกล้บ้านได้เลย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการปรับรูปหน้าเรียวแบบไม่ต้องผ่าตัด (FAQ)
1) การปรับรูปหน้าเรียวแบบไม่ต้องผ่าตัด มีวิธีไหนบ้างที่ Gangnam Clinic?
ที่ Gangnam Clinic เรามีหลายวิธีในการปรับรูปหน้าเรียวโดยไม่ต้องผ่าตัด ได้แก่:
- Botox (โบท็อกซ์): ลดขนาดกล้ามเนื้อกราม ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
- HIFU (ไฮฟู): ยกกระชับผิว ลดไขมันสะสมใต้คาง/แก้ม ช่วยให้กรอบหน้าชัด
- Ulthera (อัลเทอร่า): ยกกระชับผิวหย่อนคล้อย กระตุ้นคอลลาเจนถึงชั้น SMAS ทำให้หน้าเรียวและกรอบหน้าคมชัดขึ้น
- Thread Lift (ร้อยไหม): ยกผิวที่หย่อนคล้อย เก็บแก้มห้อย ทำให้ใบหน้าดูเรียวและมีมิติ
2) ควรเลือกทำ Botox, HIFU, Ulthera หรือ ร้อยไหม? วิธีไหนเหมาะกับเราที่สุด?
ขึ้นกับปัญหาและความต้องการของแต่ละบุคคล:
- Botox: เหมาะกับหน้าใหญ่จากกล้ามเนื้อกราม
- HIFU / Ulthera: เหมาะกับผิวหย่อนคล้อย ไขมันใต้คาง ต้องการยกกระชับกรอบหน้า
- Thread Lift: เหมาะกับหย่อนคล้อยปานกลาง–มาก ต้องการยกและดึงแก้ม
คำแนะนำ: ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิวและใบหน้าอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ
3) แต่ละหัตถการ (Botox, HIFU, Ulthera, ร้อยไหม) เห็นผลเมื่อไหร่ และอยู่ได้นานแค่ไหน?
- Botox: เห็นผลใน 2–4 สัปดาห์ อยู่ได้ 4–6 เดือน
- HIFU: เห็นบางส่วนทันที ชัดสุดใน 1–3 เดือน อยู่ได้ 6–12 เดือน
- Ulthera: เห็นบางส่วนทันที ชัดสุดใน 2–3 เดือน อยู่ได้ 1–2 ปี
- Thread Lift: เห็นทันที อยู่ได้ 6–18 เดือน (ขึ้นกับชนิดไหม)
4) การทำ Botox, HIFU, Ulthera หรือ ร้อยไหม เจ็บหรือไม่?
- Botox: รู้สึกคล้ายมดกัดระหว่างฉีด ทนได้
- HIFU / Ulthera: อุ่น ๆ หรือหน่วงใต้ผิว อาจเจ็บบางจุด แต่โดยรวมทนได้
- Thread Lift: มีการฉีดยาชาเฉพาะจุดก่อนทำ ระหว่างทำไม่เจ็บ อาจตึงหลังทำ
ที่ Gangnam Clinic ใช้เทคนิคอ่อนโยน ใส่ใจความสบายของคนไข้ตลอดขั้นตอน
5) มีผลข้างเคียงหรือข้อควรระวังอะไรบ้าง หลังทำหัตถการปรับรูปหน้าเหล่านี้?
- Botox: อาจมีรอยแดง/ช้ำเล็กน้อย หายเองในไม่กี่วัน
- HIFU / Ulthera: อาจแดง บวม ตึง ระบมใต้ผิวเล็กน้อย ดีขึ้นใน 2–3 วัน
- Thread Lift: อาจบวม ช้ำ รอยบุ๋มเล็กน้อย/ตึง บรรเทาใน 1–2 สัปดาห์
ข้อควรระวังทั่วไป: งดแอลกอฮอล์ งดนวดหน้า เลี่ยงความร้อนจัด และทำตามคำแนะนำแพทย์อย่างเคร่งครัด
6) หัตถการปรับรูปหน้าแต่ละชนิดมีค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร่?
ค่าใช้จ่ายขึ้นกับชนิดหัตถการ ปริมาณ/จำนวนช็อตหรือเส้นไหม ปัญหาเฉพาะบุคคล และโปรโมชันปัจจุบัน
- Botox: เริ่มต้นที่ 990 บาท
- HIFU / Ulthera: เริ่มต้นที่ Ulthera 600 shot ราคา 59,966 บาท
- Thread Lift: เริ่มต้นที่3,000 – 20,000 บาท
แนะนำปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและเสนอแพ็กเกจที่เหมาะกับงบและความต้องการของคุณ
7) ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการทำหัตถการปรับรูปหน้าเหล่านี้?
กลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ หญิงตั้งครรภ์/ให้นมบุตร ผู้มีโรคประจำตัวร้ายแรงที่ยังควบคุมไม่ได้ ผู้มีแผลเปิด/ติดเชื้อบริเวณทำ หรือผู้ที่รับประทานยาบางชนิดที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ควรแจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียดก่อนการรักษา
8) สามารถทำหลายหัตถการร่วมกันได้หรือไม่ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด?
ทำร่วมกันได้และมักให้ผลลัพธ์ครบมิติมากขึ้น เช่น Botox ลดกราม ร่วมกับ HIFU/Ulthera เพื่อยกกระชับ และ ร้อยไหม เพื่อดึงผิวหย่อนคล้อย การวางแผนแบบผสมผสานโดยแพทย์ช่วยให้ได้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ตรงใจ และอยู่ได้นานขึ้น
สรุปหัตถการหน้าเรียวแบบไม่ต้องผ่าตัด โบท็อกซ์ลดกราม, Hifu, Ulthera, ร้อยไหม เลือกทำแบบไหนดี?
สำหรับใครที่อยากมีหน้าเรียวสวยแบบสาวเกาหลี โดยไม่ต้องผ่าตัดให้เจ็บตัวและไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนาน การทำหัตถการหน้าเรียวแบบไม่ต้องผ่าตัด เช่น โบท็อกซ์ลดกราม, Hifu, Ulthera และ ร้อยไหม ก็เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ สามารถเลือกให้เหมาะกับปัญหาผิว รูปหน้า และความต้องการได้เลย และที่สำคัญควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการทำหัตถการหน้าเรียวเท่านั้น เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอันตรายและได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจที่สุด










