เปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ ระหว่าง ฉีดฟิลเลอร์คาง VS ผ่าตัดคาง ควรทำอันไหนดี?

เชื่อว่าน่าจะมีคนไม่น้อยที่กำลังสงสัยระหว่าง ‘การฉีดฟิลเลอร์คาง’ กับ ‘การผ่าตัดเสริมคาง’ ควรทำอะไรดี อันไหนคุ้มกว่ากัน หรือกำลังมองหาข้อมูลเพื่อหาหัตถการที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุดกันอยู่ เพราะฉะนั้นในบทความนี้เราจึงรวมรู้ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์คาง หรือผ่าตัดเสริมคางมาให้ทุกคนได้เห็นความแตกต่างๆ กันแบบชัดๆ ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ทุกคนเลือกรับบริการได้อย่างเหมาะสม และตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองมากที่สุด จะเป็นยังไงบ้างนั้น ไปหาคำตอบพร้อมๆ กันได้เลย!

ฉีดฟิลเลอร์คาง และผ่าตัดเสริมคาง ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง?

ถึงแม้ว่าทั้งสองหัตถการจะมีวิธีการที่แตกต่างกันออกไป แต่ไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์คาง หรือการผ่าตัดเสริมคาง ก็ต่างเป็นหัตถการที่เข้ามาช่วยปรับรูปหน้าเหมือนกัน โดยสามารถแก้ไขปัญหาใบหน้าได้ดังนี้

  • ช่วยแก้ไขปัญหาใบหน้าบริเวณช่วงคางไม่เท่ากัน ทำให้ใบหน้าได้สัดส่วนมากขึ้น
  • ช่วยแก้ไขปัญหาคางสั้น คางตัด และคางเหลี่ยม ที่เป็นปัจจัยทำให้หน้าดูสั้น กลม ให้ใบหน้าดูเรียวยาว วีเชฟมากยิ่งขึ้น
  • ช่วยให้รูปทรงของคางยาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
  • เสริมสร้างความมั่นใจ ปรับรูปหน้าให้รับกับโหงวเฮ้ง

เปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่าง ‘ฉีดฟิลเลอร์’ กับ ‘ผ่าตัดเสริมคาง’

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าทั้งสองหัตถการไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์ หรือการผ่าตัดเสริมคางล้วนเป็นหัตถการที่ช่วยปรับใบหน้าให้ดูเรียวยาว วีเชฟ ได้รูปทรงได้เช่นกัน โดยจะมีข้อแตกต่างหลักๆ คือวัสดุที่ใช้ วิธีการ ระยะเวลาพักฟื้น และผลลัพธ์ ดังนี้


ฉีดฟิลเลอร์คางผ่าตัดเสริมคาง
วัสดุที่ใช้ฟิลเลอร์ซิลิโคน
การพักฟื้นไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีรอยแผลเป็นต้องพักฟื้นอย่างน้อย 2 สัปดาห์ อาจมีรอยแผลเป็น
ระยะเวลาผลลัพธ์6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับฟิลเลอร์ที่ใช้สามารถอยู่ได้ถาวร
ข้อจำกัดสามารถเสริมคางได้ไม่เกิน 1 ซม.การแก้ไขค่อนข้างยุ่งยาก หากไม่พอใจในผลลัพธ์  เพราะต้องผ่าตัดเปลี่ยนซิลิโคนใหม่

ข้อดี-ข้อเสีย ของการ ‘ฉีดฟิลเลอร์คาง’ 

ในบทความนี้เราจะพาทุกคนไปดูทั้งข้อดี และข้อเสียของการ ‘ฉีดฟิลเลอร์คาง’ กันแบบชัดๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจของทุกๆ คนกัน จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูพร้อมๆ กันเลย! 

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คาง

  • สามารถปรับรูปทรงคางให้ได้สัดส่วนที่ต้องการได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้
  • เป็นหัตถการที่ไม่ยุ่งยาก และไม่ซับซ้อน ใช้เวลาไม่นาน
  • เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังฉีดเสร็จ เหมาะสำหรับคนที่รีบใช้หน้า ไม่ต้องการพักฟื้นนานๆ
  • เป็นการปรับรูปทรงคางให้ดูเรียวสวยอย่างที่เป็นธรรมชาติที่สุด ไม่ต้องกลัวโป๊ะ
  • การแก้ไขเพิ่มเติมรูปทรงไม่ยุ่งยาก และสามารถทำได้ตลอด เพราะสามารถฉีดเติมฟิลเลอร์ หรือฉีดสลายได้เรื่อยๆ 
  • เนื่องจาก ‘ฟิลเลอร์’ เป็นสารไฮยาลูโรนิก (HA) สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์คาง

  • ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ถาวรเหมือนการผ่าตัดเสริมคาง โดยการฉีดฟิลเลอร์นั้นผลลัพธ์ที่ได้จะอยู่ได้เพียง 6-18 เดือนเท่านั้น
  • สามารถเสริมความยาวของคางได้ไม่เกิน 1 ซม. 
  • อาจมีรอยฟกช้ำจากเข็มหลังฉีดเสร็จ โดยปกติแล้วจะจางหายไปเองภายใน 1-3 วัน
  • หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ใบหน้าผิดรูป คางย้อย ติดเชื้อหรือเกิดการเข้าไปอุดตันในเส้นเลือด

ทำความรู้จัก 4 ยี่ห้อฟิลเลอร์ยอดนิยม!

Juvederm

ฟิลเลอร์สัญชาติอเมริกา ที่ได้การรับรองคุณภาพ และความปลอดภัยจากองค์กรระดับโลกอย่าง US FDA ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึง อย. ไทย เป็นฟิลเลอร์อีกหนึ่งยี่ห้อที่นิยมใช้กันมาอย่างนาวนาน และแพร่หลายทั่วโลก ที่สำคัญ! ยี่ห้อนี้จะมีการผสมยาชามาในตัวยาด้วย ทำให้ช่วยลดความรู้สึกเจ็บขณะฉีดลงได้

รุ่นที่เหมาะกับฉีดฟิลเลอร์คาง

Juvederm Voluma และ Juvederm Volux

Restylane

ฟิลเลอร์สัญชาติสวีเดนแบรนด์แรกของโลก ที่ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์ความงามมาอย่างยาวนาน ตัวฟิลเลอร์สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ 100% อีกทั้งยังได้รับการรับรองคุณภาพ และความปลอดภัยจากทั้ง US FDA และ อย. ไทยอีกด้วย

รุ่นที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์คาง

Restylane Defyne และ Restylane Lyft

Neuramis

เป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาจากประเทศเกาหลี มีการวิจัย และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตเฉพาะอย่าง SHAPE Technology ทำให้ผลลัพธ์หลังการฉีดยาวนานมากขึ้น และยังเป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ปลอดภัย และคุณภาพดี แต่ราคาค่อนข้างย่อมเยา เหมาะกับคนที่มีงบประมาณจำกัด

รุ่นที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์คาง

Neuramis Deep

Belotero

ฟิลเลอร์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตพิเศษที่อย่าง Cohensive Polydensified Matrix หรือ CPM เพิ่มความเรียบเนียนให้กับเนื้อเจล ทำให้ตัวฟิลเลอร์มีคุณภาพดียิ่งขึ้น และได้ผ่านการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องทั้งในสหรัฐอเมริก ยุโรป รวมถึงประเทศไทย

รุ่นที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์คาง

Belotero Volume

บทความเพิ่มเติม : รู้จักฟิลเลอร์ Restylane ตัวช่วยให้ผิวสวยฟู! ดีกว่ายี่ห้ออื่นอย่างไร? กังนัมคลินิก มีคำตอบ!

ผลข้างเคียงที่พบได้จากการฉีดฟิลเลอร์คาง

  • รอยฟกช้ำ ผื่น หรือจุดแดงบริเวณรอบรอยเข็มที่ฉีดฟิลเลอร์ โดยปกติจะค่อยๆ หายไปเอง
  • อาการปวดหลังการฉีดฟิลเลอร์
  • อาการบวมบริเวณรอบๆ จุดที่ฉีดฟิลเลอร์ สามารถหายเองได้ภายใน 7 วัน
  • อาการแพ้ฟิลเลอร์ หรืออาการอักเสบ ในลักษณะผิวแดง เป็นก้อนบวมนูน หรือปวดมากกว่าปกติ หากเกิดอาการดังกล่าวแนะนำให้รีบไปพบแพทย์ทันที

ข้อดี-ข้อเสียของ ‘การผ่าตัดเสริมคาง’

ข้อดีของการผ่าตัดเสริมคาง

  • ได้ผลลัพธ์ที่ถาวร เพราะซิลิโคนจะคงรูป ไม่สลายไปเหมือนฟิลเลอร์
  • สามารถเสริมความยาวของคางได้ตามความต้องการของคนไข้
  • สามารถเหลา หรือปรับขนาดให้เหมาะกับรูปคาง และความต้องการของคนไข้ได้อย่างตรงจุด
  • มีซิลิโคนให้เลือกหลายทรง

ข้อเสียของการผ่าตัดเสริมคาง

  • อาจทิ้งรอยแผลเป็นจากการผ่าตัด
  • มีความเสี่ยงในการเกิดอาการแผลติดเชื้อหากดูแลไม่ดี
  • เมื่อเกิดการสึกกร่อนของกระดูก หรือชั้นคอลลาเจนใต้ผิวหายไปเมื่ออายุเพิ่มขึ้น อาจทำให้ซิลิโคนดูห้อย ไม่กลมกลืนกับรูปหน้า
  • การแก้ไข หรือเพิ่มเติมค่อนข้างยุ่งยากและลำบาก เพราะต้องผ่าตัดเปลี่ยนซิลิโคนใหม่
  • หลังการผ่าตัดต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน ไม่เหมาะกับคนที่รีบใช้หน้า

การผ่าตัดเสริมคางมีทั้งกี่แบบ?

  • การผ่าตัดเสริมคางแบบเปิดช่องปาก: การผ่าตัดวิธีนี้ทำให้ไม่มีรอยแผลบริเวณภายนอก เพราะแพทย์จะทำการเปิดช่องปากระหว่างริมฝีปากกับเหงือกด้านล่าง จากนั้นจึงวางแท่งซิลิโคนเข้าไป แต่มีข้อเสียคือหากคนไข้ดูแลแผลในช่องปากไม่ดี ก็มีโอกาสที่แผลจะติดเชื้อจากน้ำลาย หรือเศษอาหารได้สูง
  • การผ่าตัดเสริมคางแบบเปิดใต้คางการผ่าตัดวิธีนี้แพทย์จะเปิดแผลบริเวณใต้คางเพื่อวางแท่งซิลิโคน หลังทำมีโอกาสที่แผลจะติดเชื้อได้น้อยกว่าแบบแรก แต่อาจเกิดแผลเป็นนูน หรือคีย์ลอยด์หลังผ่าตัดได้

‘รูปทรงคาง’ แบบไหนเหมาะกับเรา?

แน่นอนว่าใบหน้าของคนเรามีความเป็นเอกลักษณ์ และแตกต่างกันออกไป ดังนั้นจึงไม่มีรูปทรงคางอันไหนสวย หรือดีที่สุด เพราะการเลือกรูปทรงคางนั้นต้องเลือกให้เหมาะกับใบหน้า และบุคลิกภาพของตัวเอง ฉะนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนไปส่องรูปทรงคางยอดนิยมทั้ง 5 แบบว่ามีอะไรบ้าง บอกเลยว่าตอบโจทย์ทุกคนแน่นอน

  • รูปทรงปลายวีเชฟ: เสริมรูปหน้าให้ดูเล็ก และเรียวยาว เหมาะกับคนที่กรามไม่ชัด และมีใบหน้าเล็ก
  • รูปทรงป้านเหลี่ยม: เหมาะกับผู้ชาย เพราะจะทำให้คางมีความป้านขึ้น เสริมให้ใบหน้าดูคมเข้ม
  • รูปทรงวีมน: ช่วยให้ใบหน้าดูละมุน ปลายคางไม่แหลมจนเกินไป เหมาะกับคนที่มีแก้ม หรือมีโหนกแก้มที่สูง
  • รูปทรงยาวเรียวมน: ช่วยให้ปลายคางมีความละมุนขึ้น เพิ่มความหวานละมุนให้กับใบหน้า เหมาะกับคนที่มีคางเหลี่ยม
  • รูปทรงวีเชฟ เรียวเล็ก: เพิ่มความชิค ความเฉี่ยว ปลุกความสาย ฝ. ในตัวคุณ เพราะการเสริมคางทรงนี้จะเพิ่มความเรียวยาวให้กับใบหน้า 

ปัญหาที่พบบ่อยหลังการผ่าตัดเสริมคาง

  • รูปทรงคางเบี้ยว เอียงไม่เข้ารูป จากการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง และอาจทำให้เกิดอาการอักเสบตามมาได้
  • คางห้อย คางย้อย เมื่อเกิดการสึกกร่อนของกระดูก หรือชั้นคอลลาเจนใต้ผิวหายไปเมื่ออายุเพิ่มขึ้น
  • คางทะลุ ส่วนใหญ่จะเกิดจากการใช้ซิลิโคนที่ใหญ่เกินไป เป็นปัญหาที่ค่อนข้างรุนแรง หากมีอาหารบวมแดงผิดปกติแนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที
  • คางอักเสบ บวม หรือติดเชื้อ อาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้หากคนไข้เข้ารับบริการในคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรืออาจเกิดจากการละเลยการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด 

สรุปฉีดฟิลเลอร์คาง VS ผ่าตัดคาง ควรทำอันไหนดี?

ไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์คาง หรือการผ่าตัดเสริมคางก็ต่างเป็นหัตถการที่สามารถช่วยปรับรูปทรงคางให้ดูเรียวยาว ได้สัดส่วน และเพิ่มความสวยงามให้กับใบหน้าได้เช่นกัน โดยแต่ละหัตถการก็มีแตกต่างกันออกไป ทั้งวัสดุที่ที่ใช้ วิธีการ รวมไปถึงผลลัพธ์ที่ได้ ดังนั้นผู้เข้ารับบริการจึงควรตัดสินใจจากความเหมาะสม ความต้องการ และงบประมาณของตัวเอง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจมากที่สุด ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์ หรือการเสริมคางล้วนเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยประสบการณ์ และความชำนาญของแพทย์ ผู้เข้ารับบริการจึงควรหาข้อมูลอย่างละเอียด และเลือกเข้ารับบริการในสถานพยาบาล หรือคลินิกความงามที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัย และเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์นั้นเอง 

Scroll to Top