ใครที่ทำตามคำแนะนำจากบิวตี้บล็อกเกอร์ เกี่ยวกับวิธีทำให้หน้าใส แล้วแต่ยังไม่หาย บทความนี้จะมาไขข้อเท็จจริงถึงสาเหตุ วิธีแก้ปัญหาที่ตรงจุด ทำแล้วได้ผลจริง และทำแล้วแย่ลงกว่าเดิม รับรองว่าอ่านจบสามารถนำไปปรับใช้ หรือเลือกวิธีที่เหมาะสมกับเราเพื่อผลลัพธ์ที่ดีระยะยาวได้จริงๆ
ผิวไม่ใส หมองคล้ำ เกิดจากอะไร
ปัญหาหน้าไม่กระจ่างใส ซึ่งหากกำลังประสบปัญหาอยู่ควรมาพิจารณาที่สาเหตุก่อนเลย เพื่อที่จะได้เลือกใช้วิธีแก้ไขได้ตรงจุดมากที่สุด
อายุมากขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนใต้ผิวผลิตได้น้อยลงไป ดังนั้นผิวจะแห้งได้ง่าย เมื่อผิวแห้งก็ทำให้อ่อนแอต่อมลภาวะ เกิดความหมองคล้ำ ไปจนถึงริ้วรอยตามมา
นอนดึก
เมื่อนอนหลับสนิทร่างกายจะหลั่ง Melatonin เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ดังนั้นหากร่างกายอดนอน ผิวหน้าที่เผชิญมลภาวะมาทั้งวัน ก็ไม่ได้รับการซ่อมแซม ยิ่งทำให้หมองคล้ำลงไปเรื่อยๆ
ดื่มน้ำน้อย
น้ำเป็นตัวกลางในกระบวนการเผาผลาญ ขับของเสีย และมอบความชุ่มชื่นให้ผิว ซึ่งเมื่อร่างกายขาดน้ำ ก็จะทำให้ผิวแห้ง ผิวไม่นุ้มเด้ง และหน้าดูโทรม หมองคล้ำลง
ไม่กินผัก-ผลไม้
หากร่างกายไม่ค่อยกินผัก หรือผลไม้ ก็จะไม่ได้รับวิตามินที่ช่วยให้การต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอวัย
เครียดนานเกินไป
เมื่ออยู่ในภาวะเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ทำให้ร่างกายผลิตไขมันออกมามาก ทำให้ผิวมัน เกิดสิวอักเสบ ผิวจะผลิตเม็ดสีเมลานินออกมาเยอะ ทำให้เกิดจุดด่างดำที่ผิว ผิวดูหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใสนั่นเอง
ใช้ครีมบำรุงไม่เหมาะสมกับปัญหาผิว
หลายคนที่กำลังแก้ไขและฟื้นฟูผิวที่หมองคล้ำด้วยการหาครีมบำรุงมาทา แต่ไม่ได้ผล มักเกิดจากการส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับการแก้ปัญหาผิว
แสงแดด
รังสียูวีจะเข้าไปทำให้ผิว เกิดการระคายเคือง ผิวสร้างเม็ดสีเมลานินออกมาเยอะขึ้น ทำให้ผิวเกิดจุดด่างดำ กระ และหมองคล้ำในที่สุด
ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับวิธีทำให้หน้าใส
ล้างหน้าบ่อยๆ เพราะกลัวสิวขึ้น
โดยปกติแล้วผิวจะผลิตน้ำมันออกมาเคลือบผิว เพื่อป้องกันความแห้งกร้านระหว่างวันอยู่แล้ว ดังนั้นหากล้างหน้ามากเกินไปจะทำให้ผิวแห้ง หมองคล้ำ แนะนำให้ล้างหน้าวันละ 1 – 2 ครั้ง เช้า-เย็นก็เพียงพอแล้ว
ผิวมันอยู่แล้ว เลยไม่ใช่มอยส์เจอไรเซอร์
ผิวมันไม่ได้หมายความว่าผิวไม่ขาดน้ำ ดังนั้นการเติมเต็มความชุ่มชื่นให้ผิวจต้องเป็นน้ำ หรือสารสกัดที่มอบความชุ่มชื่น ซึ่งไม่ใช่น้ำมันที่ขับออกมาจากผิว
ขัดผิวหน้าบ่อยๆ เพราะคิดว่าจะทำให้หน้ากระจ่างใส
การผลัดเซลล์ผิวด้วยการขัดผิวมากๆ จะทำให้ผิวอักเสบ เกิดจุดด่างดำ ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำได้ง่าย
วิธีทำให้หน้าใส ปี 2024 มีอะไรบ้าง
การทำให้หน้าใสที่ได้ผลจริงมี 2 วิธี คือทำได้โดยวิธีธรรมชาติ และใช้หัตถการความงาม “ฉีดเมโสหน้าใส” ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน
วิธีทำให้หน้าใสด้วยวิธีธรรมชาติ
การทำให้หน้าใสที่ได้ผลจริงมี 2 วิธี คือทำได้โดยวิธีธรรมชาติ และใช้หัตถการความงาม “ฉีดเมโสหน้าใส” ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน
- ใช้น้ำมันมะพร้าวบำรุงผิว
แทนครีมบำรุงที่ก่อให้เกิดการแพ้ได้ง่าย ซึ่งสามารถใช้เช็ดเครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิวได้ในตัวเดียวกัน - เสริมโพรไบโอติกส์ (Probiotics)
หรือเสริมจุลินทรีย์ขนาดเล็กชนิดดีที่อยู่ในระบบทางเดินอาหาร และกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบของผิว ทำให้ไม่เกิดจุดด่างดำ ฝ้า กระ บนผิวหน้าได้ง่ายๆ - ใช้มอยส์เจอไรเซอร์-ครีมกันแดด สูตรอ่อนโยน
เพราะส่วนผสมในครีมบำรุงผิว หรือครีมกันแดดที่ก่อให้เกิดการแพ้ มักพบในสาร
วิธีทำให้หน้าใส ด้วยการฉีดเมโสหน้าใส
เป็นหัตถการความงามโดยเข็มฉีดยา หรือที่เรียกว่า ว่า Mesotherapy ที่รวบรวมสารประโยชน์ต่อผิวไว้ด้วยกันมากมาย ที่เข้าไปปลอบประโลมพร้อมๆ กับฟื้นฟูผิวสุขภาพผิวให้ดีขึ้น ซึ่งสามารถแบ่งเมโสออกได้ 2 กลุ่ม
- เมโสที่เน้นเรื่องความขาวกระจ่างใส
ที่จะเน้นสารบำรุง วิตามินต่าง ๆ และส่วนผสมของคอลลาเจน ซึ่งในทางการค้ามักจะมีชื่อเรียก อาทิ Skin Bright, Skin Growth หรือ Miracle White เป็นต้น
- เมโสที่ช่วยลดสิว แก้ผื่นแพ้ต่างๆ
เป็นเมโสที่ช่วยลดการอักเสบของผิวโดยการขับสารพิษต่างๆ ในผิว ซึ่งรู้จักกันในชื่อทางการค้าว่า มาเด้คอลลาเจน นั่นเอง
วิธีฉีดเมโสหน้าใส มีกี่แบบ
การฉีดเมโสหน้าใส มี 2 แบบ แบ่งตามระดับปัญหาผิวหนังดังนี้
- ฉีดแบบสะกิด
จะใช้เข็มฉีดยานำสารประโยชน์ฉีดเป็นจุดทั่วใบหน้า เพื่อไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว เหมาะกับผิวที่มีปัญหาไม่มาก และยังอายุน้อย
- ฉีดแบบเมโส 16 จุด (มาเด้ คอลลาเจน)
เป็นการฉีดนำสารประโยชน์ที่มีฤทธิ์ขับของเสียลงตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลืองจำนวน 16 จุดบนใบหน้า เพื่อให้ผิวขับสารพิษออกมา ลดการอักเสบ พร้อมๆ กับบำรุงผิว เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพผิวที่อ่อนแออย่างหนัก ให้กลับมาสุขภาพดี เรียบเนียน กระจ่างใส
เมโสหน้าใส มีกี่ยี่ห้อ เลือกยังไงดี
การเลือกฉีดเมโสหน้าใส ต้องเลือกยี่ห้อของแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย.ไทย และคุณสมบัติของแต่ละยี่ห้อต้องเหมาะกับปัญหาผิว โดยยี่ห้อฮิตมี 4 ยี่ห้อ ดังนี้
- Chanel
เป็นสกินบูสเตอร์ตัวดังจากประเทศเกาหลี ที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน มอบความชุ่มชื้นให้ผิว และปรับผิวให้สว่างกระจ่างใสยิ่งขึ้น
- Rejuran
เป็นสกินบูสเตอร์ที่สกัดจาก Polyneucleotide (PN) หรือ Salmon DNA ซึ่งใกล้เคียงกับดีเอ็นเอมนุษย์มากที่สุด จึงช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ได้ดี พร้อมๆ กับซ่อมแซมส่วนที่เสื่อมโทรมของผิว
อ่านเพิ่มเติม : Rejuran (รีจูรัน) นวัตกรรมจากเกาหลีคืออะไร? ถ้าอยากผิวฉ่ำโกลว์ฉีด Rejuran ดีไหม?
- Made collagen
เป็นเมโสของประเทศอิตาลี ที่ต้องใช้เทคนิคการฉีด 16 จุดทั่วใบหน้า เพื่อให้สารต่างๆ ลงไปขับสารพิษในเซลล์ผิว เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย ผิวหน้าอักเสบเรื้อรัง เป็นสิวบ่อย
- Filorga
เป็นเมโสหน้าใส ที่จัดเต็มส่วนผสมวิตามินที่จำเป็นต่อโครงสร้างผิวกรดไฮยาลูรอนิก กรดอะมิโน และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยลดริ้วรอยดังนั้นจึงสามารถฟื้นฟูผิวได้หลายตำแหน่ง เช่น ใบหน้า ลำคอ และหลังมือ
บทความแนะนำ : Exosome คืออะไร ? ดีกับผิวจริงไหม พร้อมแนะนำว่าทำในจุดไหนได้บ้าง
ค่าฉีดเมโสหน้าใส ล่าสุดราคาเท่าไหร่
ราคาในการฉีดเมโสหน้าใส แตกต่างกันไปตามแต่ละคลินิก แต่โดยเฉลี่ยแล้วจะเริ่มต้นที่ 3,900 บาท เป็นต้นไป หรือหากเฉลี่ยตามยี่ห้อจะมีราคาดังต่อไปนี้
Chanel ราคาเริ่มต้น 3,900-6,900 บาท ต่อ 1 ครั้ง
Rejuran ราคาเริ่มต้น 8,000-15,000 บาท ต่อ 1 ครั้ง
Made collagen ราคาเริ่มต้น 1,900-2,500 บาท ต่อ 1 ครั้ง
Filorga ราคาเริ่มต้น 4,500-9,000 บาท ต่อ 1 ครั้ง
ทางกังนัมคลินิกมีโปรโมชั่นประจำเดือน พร้อมมอบสิทธิพิเศษมากมาย สามาถติดตามโปรโมชั่นของกังนัมคลินิก ได้ที่ gangnamclinicthailand
สรุป วิธีทำให้หน้าใส ที่ได้ผลจริงมีอะไรบ้าง
วิธีทำให้หน้าใส กู้ผิวดำหมองคล้ำ สามารถแก้ปัญหาได้จากพฤติกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น ทาครีมกันแดด เลือกใช้ครีมบำรุงผิวที่มีวิตามินช่วยปรับความขาวใสโดยปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และกรด AHA มากเกินไป พร้อมๆ กับเลือกกินอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระเป็นประจำ
แต่หากใครที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำมาก ผิวแพ้ง่าย และต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว แนะนำให้เข้าปรึกษาแพทย์ที่เชี่ยวชาญ เพื่อ ฉีดเมโสหน้าใส รับรองเลยว่า ได้ผิวหน้าใสทันใจ และสุขภาพผิวดีขึ้นแบบระยะยาวได้อีกนะ
สำหรับคนที่สนใจโปรโมชั่น หรือข้อมูลหัตถการต่างๆ สามารถแอดไลน์ @gangnamclinic และช่องทาง Facebook เพื่อสอบถามโปรโมชั่นเพิ่มเติม และสามารถเข้ามาปรึกษาหมอฟรี ที่ กังนัมคลินิกใกล้บ้านคุณ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย