รู้หรือไม่? ถ้าต้องการผิวหน้าที่อ่อนเยาว์และใบหน้าที่คมชัดและเรียว คุณไม่จำเป็นต้องฉีดฟิลเลอร์แยกกับการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) อย่าง Radiesse หรือ Sculptra แล้ว! เพราะ Hybrid Filler เป็นนวัตกรรมใหม่ที่รวมคุณสมบัติของหัตถการทั้ง 2 อย่างไว้ใน Hybrid Filler เพียงตัวเดียว
แล้ว Hybrid Filler แตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปยังไง? มียี่ห้ออะไรบ้าง? วันนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Hybrid Filler มากขึ้น และตอบคำถามคาใจสำหรับใครที่ต้องการทั้งการปรับรูปหน้าให้คมชัดและเติมเต็มร่องลึก แต่ต้องการปรับสภาพผิวในระยะยาวให้อ่อนเยาว์และแข็งแรงมากขึ้นด้วยเช่นกัน
Hybrid Filler คืออะไร
Hybrid Filler คือเทคโนโลยีฟิลเลอร์ที่เป็นการผสมผสานส่วนประกอบของไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid หรือ HA) และ แคลเซียมไฮดรอกซิลอะพาไทต์ (Calcium Hydroxypatite หรือ CaHA) แปลว่าการฉีด Hybrid Filler จะให้ผลลัพธ์จากส่วนประกอบทั้ง 2 อย่างต่อการฉีดเพียงครั้งเดียว หรือที่เรียกว่า Dual Effect นั่นเอง
โดย HA มีคุณสมบัติในการกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง ให้ผิวดูอิ่มน้ำ และ CaHA มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการทำงานของ Fibroblast ที่จะนำไปสู่การกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้เต่งตึงและแข็งแรงมากขึ้นในระยะยาว
Hybrid Filler โดดเด่นกว่าฟิลเลอร์ทั่วไปยังไง
สรุปแล้ว Hybrid Filler ต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปที่เราคุ้นเคยกันอย่างไร? สิ่งสำคัญที่ทำให้ Hybrid Filler มีความแตกต่างและโดดเด่นกว่าคือส่วนประกอบอย่าง CaHA นั่นเอง โดยฟิลเลอร์ทั่วไปจะมีสาร HA เป็นส่วนประกอบสำคัญอยู่แล้ว แต่สำหรับ Hybrid Filler นอกเหนือจาก HA แล้ว ยังมีสาร CaHA ที่เข้ามาช่วยต่อยอดในเรื่องของการกระตุ้นคอลลาเจนได้มากกว่าฟิลเลอร์ทั่วไปที่มีแต่ HA
ดังนั้นผลลัพธ์ของการฉีด Hybrid Filler จะมีความครอบคลุมกว่า โดยนอกจากได้ผลลัพธ์ของผิวหน้าที่มีความชุ่มชื้นและริ้วรอยดูจางลงแล้ว จะยังสามารถกระตุ้นคอลลาเจนและเสริมสร้างสภาพผิวให้มีความเต่งตึงและยืดหยุ่นมากขึ้นในระยะยาวได้ด้วยเช่นกัน
Hybrid Filler ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
Hybrid Filler มีคุณสมบัติที่ครอบคลุมและหลากหลาย ดังนี้
- ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน (Type I และ Type III)
- ช่วยยกกระชับผิวหย่อนคล้อย เติมเต็มริ้วรอย ร่องลึกบนใบหน้า
- ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น เต่งตึง
- ช่วยให้ผิวดูฉ่ำโกลว์ อิ่มน้ำมากขึ้น
- ช่วยปรับรูปหน้าให้คมชัดและเรียวมากขึ้น
- ช่วยปรับสภาพผิวให้อ่อนเยาว์และแข็งแรงได้ในระยะยาว
ใครเหมาะกับ Hybrid Filler บ้าง
Hybrid Filler เหมาะกับใครที่ประสบปัญหาเหล่านี้และต้องการฟื้นฟูผิวให้ดีขึ้น
- ปัญหาผิวจากอายุที่มากขึ้น: ริ้วรอย ร่องลึก ผิวหย่อนคล้อย
- ปัญหาผิวขาดคอลลาเจน ขาดความยืดหยุ่น
- ผู้ที่กรอบหน้าไม่คมชัด
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียนจากหลุมสิว หรือมีรูขุมขนกว้าง
- ผู้ที่ใบหน้าดูอ่อนเพลีย ผิวหน้าโทรมเพราะขาดการดูแล
อยากฉีด Hybrid Filler มียี่ห้ออะไรให้ฉีดบ้าง (HArmonyCa & Neauvia)
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลาย ๆ คนอาจจะเริ่มสนใจ Hybrid Filler มากขึ้น และเริ่มอยากรู้ว่าฟิลเลอร์ตัวไหนบ้างที่ใช้นวัตกรรม Hybrid Filler โดยเราขอแนะนำ Hybrid Filler หลัก ๆ 2 ยี่ห้อดังนี้
- HArmonyCa
- Neauvia
Hybrid Filler ยี่ห้อ HArmonyCa
HArmonyCa (ฮาร์โมนิก้า) เป็น Hybrid Filler จากสหรัฐอเมริกา พัฒนาโดย Allergan Aesthetics โดยมีส่วนประกอบของ HA (70%) และ CaHA (30%) สามารถฉีดได้ในหลาย ๆ ตำแหน่งบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นบริเวณแก้มสำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็มร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และปรับให้ผิวมีความกระชับมากขึ้น บริเวณกรอบหน้าเพื่อให้กรอบหน้ามีความคมชัดและดูมีมิติมากขึ้น หรือบริเวณคางเพื่อปรับให้โครงหน้าดูเรียวเล็กมากขึ้น หลังจากที่ฉีด HArmonyCa จะมีผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานถึง 1 ปีถึง 1 ปีครึ่ง
Hybrid Filler ยี่ห้อ Neauvia
Neauvia เป็นฟิลเลอร์ที่ถูกพัฒนาจากประเทศอิตาลีโดยบริษัท Ampex Aesthetics โดยนอกจากจะมีส่วนประกอบของ HA และ CaHA แล้ว ยังมีส่วนประกอบของ Glycine และ L-Proline อีกด้วยเช่นกัน Neauvia มีหลายรุ่นได้แก่ Neauvia Stimulate, Neauvia Hydro Deluxe, และ Neauvia Intense
- Neauvia Intense มีส่วนประกอบของ HA ที่ 28% เหมาะกับการฉีดเพื่อปรับกรอบหน้าโดยการฉีดบริเวณคาง แนวกราม หรือฉีดที่สันจมูก
- Neauvia Stimulate มีส่วนประกอบของ HA อยู่ที่ 26% และ CaHA อีก 1% เหมาะกับการแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึกบนใบหน้า โดยจะมีผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานถึง 1 ปี
- Neauvia Hydro Deluxe มีส่วนประกอบของ HA ที่ 18% และ CaHA ที่ 0.01% เหมาะกับการเติมเต็มรูขุมขน หลุมสิวต่าง ๆ สามารถฉีดได้ตามบริเวณหน้าผาก หน้าแก้ม รอบดวงตา ฯลฯ หลังฉีดผลลัพธ์จะอยู่ได้นานถึง 6-9 เดือน
เทียบ Hybrid Filler กับหัตถการอื่น ๆ
ถ้าพูดถึงสารกระตุ้นคอลลาเจนแล้ว อาจจะนึกถึงหัตถการกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ชนิดอื่น ๆ อย่าง Radiesse กับ Sculptra ด้วยเช่นกัน โดยทั้ง 2 ตัวนี้แตกต่างจาก Hybrid Filler ดังนี้
Hybrid Filler ต่างกับ Radiesse อย่างไร
ส่วนประกอบของ Radiesse มีเพียง CaHA แต่ไม่มี HA เหมือนกับ Hybrid Filler จึงจะมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจนมากกว่าการเติมเต็มร่องหรือริ้วรอยบนใบหน้า ซึ่งแตกต่างจาก Hybrid Filler ที่มีคุณสมบัติทั้ง 2 อย่าง โดยผลลัพธ์จากการกระตุ้นคอลลาเจนตามกระบวนการตามธรรมชาติของ Radiesse จะอยู่ได้นานถึง 2 ปี
Hybrid Filler ต่างกับ Sculptra อย่างไร
Sculptra มีส่วนประกอบหลักของ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) โดยไม่มีส่วนประกอบของ HA เช่นเดียวกันกับ Radiesse จึงจะมีคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจนมากกว่าการเติมเต็ม ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 2 ปีหลังฉีด
Hybrid Filler ราคาเท่าไหร่
ราคาของ Hybrid Filler ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ต้องการฉีด
- HArmonyCa
ราคาโดยทั่วไปอยู่ที่ 29,000 บาท/1 syringe (1.25 cc) - Neauvia
ราคาโดยทั่วไปอยู่ที่ 18,000 บาท/ครั้ง
ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน
อายุของผลลัพธ์ของการฉีด Hybrid Filler จะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ฉีด
- HArmonyCa มีผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน
- Neauvia Intense มีผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานถึง 1 ปี
- Neauvia Stimulate มีผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานถึง 1 ปี
- Neauvia Hydro Deluxe มีผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานถึง 6-9 เดือน
รอนานเท่าไหร่หลังฉีดถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
หลังจากฉีด Hybrid Filler จะสามารถเห็นผลลัพธ์ในแง่ของการยกกระชับผิวและการเติมเต็มใบหน้าได้ทันทีหลังฉีดจากการทำงานของฟิลเลอร์ อย่างไรก็ตามการกระตุ้นกระบวนการการสร้างคอลลาเจนจะใช้เวลา 1-3 เดือนถึงจะเห็นผล และใช้เวลา 6 เดือนกว่าจะเห็นผลที่ชัดเจนที่สุด
ฉีด Hybrid Filler เจ็บไหม
ระดับความเจ็บของการฉีด Hybrid Filler เทียบเท่ากับการฉีดฟิลเลอร์ทั่วไป แต่สามารถใช้ยาชาเพื่อช่วยลดความเจ็บได้
สรุปทำความรู้จักกับ Hybrid Filler คืออะไร ฉีดแล้วดีกว่าฟิลเลอร์ทั่วไปอย่างไร? มียี่ห้ออะไรบ้าง?
Hybrid Filler คือนวัตกรรมฟิลเลอร์ที่ให้ผลลัพธ์ที่เหนือกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป โดยการฉีด Hybrid Filler เพียงตัวเดียวจะมีคุณสมบัติที่ครอบคลุมเหมือนการทำหัตถการหลาย ๆ ตัวในครั้งเดียวอย่างการฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มร่องลึกและปรับรูปหน้าและการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนชนิดอื่น ๆ อย่าง Radiesse หรือ Sculptra ถือว่าให้ผลลัพธ์ที่ครอบคลุม