สถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์ น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นพันพ้นอันหาที่สุดไม่ไม่ได้ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาด พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ข้าพระพุทธเจ้าคณะผู้บริหารและพนักงาน บริษัท โชลคลินิก จำกัด
previous arrowprevious arrow
next arrownext arrow

Oligio X ยุคใหม่ของการยกกระชับที่ลึกถึง SMAS พร้อมผลลัพธ์ชัดตั้งแต่ครั้งแรก

Oligio X ยุคใหม่ของการยกกระชับที่ลึกถึง SMAS พร้อมผลลัพธ์ชัดตั้งแต่ครั้งแรก

Oligio X คือความต่อยอดของเทคโนโลยี Monopolar Radiofrequency (RF) สำหรับยกกระชับผิว เน้นปรับรูปหน้า ยกผิว และจัดการความหย่อนคล้อยโดยไม่ใช้เข็ม ไม่ผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น เทคโนโลยีนี้สร้างความร้อนในชั้นลึกของผิวอย่างแม่นยำ เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน อีลาสติน และปรับสมดุลความตึงของผิวอย่างเป็นธรรมชาติ

คลื่น 6.78 MHz ของ Oligio X ถูกออกแบบให้วิ่งลงสู่ชั้นลึกมากกว่ารุ่นเดิม พร้อมระบบ Dual Mode (G → X → G) ซึ่งทำให้พลังงานลงแบบต่อเนื่อง นุ่มลึก และทรงประสิทธิภาพกว่าเดิม เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะคนที่มีปัญหา “ผิวเริ่มตก แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องผ่าตัด”

สารบัญ Oligio X ยุคใหม่ของการยกกระชับที่ลึกถึง SMAS

Oligio X คืออะไร?

Oligio X คืออะไร?

Oligio X คือเทคโนโลยียกกระชับผิวรุ่นใหม่ที่พัฒนาต่อยอดจากคลื่น Monopolar Radiofrequency (RF) ซึ่งเป็นพลังงานทางการแพทย์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในงานยกกระชับและฟื้นฟูผิวลึก เทคโนโลยีรุ่นใหม่นี้ถูกออกแบบให้ลงลึกกว่ารุ่นเดิม เข้าถึงชั้น Dermis, Subcutaneous fat layer, และบางส่วนของชั้น SMAS ที่เป็นโครงสร้างยกของใบหน้าอย่างแม่นยำ ทำให้สามารถฟื้นฟูความแน่นของผิวได้ตั้งแต่ระดับเส้นใยคอลลาเจนไปจนถึงชั้นใต้ผิวที่เป็นสาเหตุของผิวหย่อนคล้อยจริง ๆ

หัวใจสำคัญของ Oligio X คือ “ความลึก + ความเสถียรของพลังงาน” เครื่องสามารถปล่อยพลังงานในความถี่ 6.78 MHz ซึ่งถือเป็นระดับที่ลงลึกและกระตุ้นคอลลาเจนได้ดี พร้อมระบบ Dual Mode (GXG) ที่รวมความอุ่นจากชั้นบน (G-mode) กับความร้อนลึกแบบเจาะจง (X-mode) ทำให้คอลลาเจนหดตัวทันที 20–30% หลังทำ และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ให้ผิวค่อย ๆ แน่นขึ้นตามเวลา

หลักการทำงานของ Oligio Xoligio

Oligio X ใช้พลังงาน Monopolar RF ความถี่ 6.78 MHz ส่งความร้อนลงลึกเพื่อกระชับโครงสร้างผิวจากภายในจริง ๆ โดยไม่ทำร้ายผิวชั้นบน ผ่านระบบ Dual Mode (GXG Technology) ที่ปล่อยพลังงาน 3 จังหวะต่อเนื่อง ผลลัพธ์คือผิวที่ยกขึ้น แน่นขึ้น และคมชัดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพักฟื้น

ระบบ Dual Mode คืออะไร?ระบบ Dual Mode คืออะไร?

ระบบ Dual Mode (GXG Technology) คือหัวใจของ Oligio X ที่ทำให้พลังงานลงลึกและสม่ำเสมอกว่ารุ่นทั่วไป โดยเป็นการปล่อยพลังงาน 3 จังหวะต่อเนื่อง ได้แก่ G → X → G

  • G-mode ทำหน้าที่อุ่นผิวชั้นบน เพื่อเตรียมผิวและปกป้องหนังกำพร้า
  • X-mode ยิงพลังงานลงลึกถึงชั้นหนังแท้และชั้นไขมัน ทำให้เส้นใยคอลลาเจนหดตัวทันที
  • กลับสู่ G-mode เพื่อกระจายและล็อกความร้อนในชั้นผิว ผลคือ “การยกที่นุ่ม แต่ลึก” ทำให้ผิวกระชับอย่างเป็นธรรมชาติการทำงานสามจังหวะนี้ทำให้ความร้อนถูกควบคุมอย่างแม่นยำ ลดความเจ็บ และช่วยให้แพทย์ปรับพลังงานได้สูงขึ้นโดยยังคงความปลอดภัยของผิวชั้นบนไว้ครบถ้วน

RF 6.78 MHz เข้าชั้นผิวไหนบ้าง?

พลังงาน Monopolar RF ความถี่ 6.78 MHz ของ Oligio X ถูกออกแบบให้วิ่งลงลึกกว่างาน RF ทั่วไป โดยสามารถเข้าถึงได้หลายชั้น ดังนี้

  • ชั้น Dermis (หนังแท้): กระตุ้นให้เส้นใยคอลลาเจนหดตัวและเริ่มสร้างคอลลาเจนใหม่
  • ชั้น Subcutaneous (ชั้นไขมันใต้ผิว): ลดความหย่อนคล้อยที่เกิดจากไขมันสะสม ทำให้กรอบหน้าชัดขึ้น
  • ชั้น SMAS (โครงสร้างรองรับหน้า): ชั้นเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า จึงช่วยยกผิวได้ลึกแบบไม่ต้องผ่าตัด

การเข้าหลายชั้นแบบนี้ทำให้ผลลัพธ์ของ Oligio X ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็ง ไม่ตึงเกินจริง และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า RF รุ่นเก่าอย่างชัดเจน

ทำไม Oligio X ถึงยกได้ลึกกว่ารุ่นอื่น?ทำไม Oligio X ถึงยกได้ลึกกว่ารุ่นอื่น?

Oligio X ยกได้ลึกกว่าเพราะรวม “พลังงาน + โครงสร้างการยิง” ที่ถูกออกแบบเฉพาะทางไว้ครบถ้วน ได้แก่

  • คลื่น 6.78 MHz ที่ลงลึกและคงเสถียรมากกว่าคลื่น RF ทั่วไป
  • ระบบ Dual Mode (GXG) ที่ค่อย ๆ ดันพลังงานจากชั้นบนสู่ชั้นลึกอย่างต่อเนื่อง
  • หัวทิปขนาดใหญ่ + ระบบทำความเย็นหลายชั้น ช่วยให้แพทย์ปรับพลังงานได้สูงโดยไม่ทำร้ายผิวชั้นบน
  • ความสามารถในการเข้าถึง SMAS ซึ่งเป็นชั้นลึกสุดที่ส่งผลกับโครงสร้างหน้าโดยตรง

ทั้งหมดนี้ทำให้ Oligio X ไม่ใช่แค่ “ยกผิวชั้นบน” แต่ยกถึงโครงสร้างจริงใต้ผิว ทำให้กรอบหน้าคมขึ้น เหนียงลดลง และผิวกลับมาดูแน่นขึ้นในมิติที่ลึกกว่าเครื่อง RF ทั่วไปแบบรู้สึกได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ

โปรแกรม Oligio มีกี่แบบ?โปรแกรม Oligio มีกี่แบบ?

ทคโนโลยี Oligio แบ่งออกเป็น 2 รุ่นหลัก ที่ถูกใช้งานในงานยกกระชับผิว ได้แก่

  1. Oligio รุ่นแรก (Original Oligio)
  2. Oligio X รุ่นใหม่ล่าสุด (Advanced Oligio X)

ทั้งสองรุ่นใช้พลังงาน Monopolar RF เหมือนกัน แต่ถูกออกแบบให้ตอบโจทย์ความลึก ความแรง และความสบายที่แตกต่างกัน ทำให้ผลลัพธ์สุดท้ายและประสบการณ์ขณะทำแตกต่างกันพอสมควร โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีปัญหาหย่อนคล้อยระดับปานกลางถึงมาก

Oligio รุ่นแรกคืออะไร?Oligio รุ่นแรกคืออะไร?

Oligio รุ่นแรกเป็นเทคโนโลยี Monopolar RF พื้นฐาน ที่เรียบง่ายและเน้นการยกกระชับชั้นหนังแท้ (Dermis) เป็นหลัก ผลลัพธ์ที่โดดเด่นคือ

  • ผิวฟูขึ้น
  • คอลลาเจนตึงกระชับ
  • ริ้วรอยเล็ก ๆ ดีขึ้น
  • ผิวแน่นขึ้นเล็กน้อย

เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนเล็กน้อย หรือคนที่ต้องการยกกระชับแบบเบา ๆ ไม่ต้องการพลังงานลึกมากอย่างไรก็ตาม Oligio รุ่นแรกยังมีข้อจำกัดเรื่องความลึก ความสม่ำเสมอของพลังงาน และอาจรู้สึก “ร้อน” มากกว่า เมื่อเทียบกับรุ่นใหม่ เพราะระบบทำความเย็นยังไม่ทันสมัยเท่า Oligio X

Oligio X คืออะไร? (รุ่นใหม่ล่าสุด ที่กังนัมคลินิกเลือกใช้)Oligio X คืออะไร? (รุ่นใหม่ล่าสุด ที่กังนัมคลินิกเลือกใช้)

Oligio X คือการอัปเกรดครั้งสำคัญของเทคโนโลยี Oligio ด้วยระบบ Dual Mode (GXG Technology) และหัวทิปใหม่ที่ส่งพลังงานลงลึกถึงทั้ง

  • Dermis
  • ชั้นไขมันใต้ผิว (Subcutaneous)
  • และแตะชั้นโครงสร้าง SMAS ได้บางส่วน

รุ่นนี้ให้ผลลัพธ์ชัดขึ้น ลึกขึ้น และอยู่ได้นานกว่า พร้อมระบบทำความเย็นหลายจังหวะที่ทำให้รู้สึกสบายขณะทำ เหมาะกับผู้ที่ต้องการความยกกระชับแบบเห็นผลจริง โดยไม่ต้องพักฟื้น

โปรแกรม Oligio X ต่างจากโปรแกรม Oligio รุ่นแรกอย่างไรโปรแกรม Oligio X ต่างจากโปรแกรม Oligio รุ่นแรกอย่างไร

โปรแกรม Oligio X คือเวอร์ชันอัปเกรดของ Oligio รุ่นแรกที่ถูกออกแบบให้ยกกระชับได้ลึกและชัดกว่าเดิม โดยเปลี่ยนทั้งระบบพลังงานและประสิทธิภาพในการทำงาน รุ่นแรกจะเน้นคลื่น Monopolar RF ลงลึกเพียงชั้นหนังแท้ ทำให้เห็นการตึงผิวแบบเบา ๆ และช่วยให้ผิวดูกระชับขึ้นเล็กน้อย แต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาแก้มตกหรือเหนียงได้ชัดเจนเท่าไร ในขณะที่ Oligio X ใช้ความถี่ RF 6.78 MHz ควบคู่กับระบบ Dual Mode (GXG Technology) ช่วยให้พลังงานลงได้ลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิวและแตะชั้น SMAS ทำให้ยกผิวได้ในระดับโครงสร้างจริง พร้อมระบบทำความเย็นหลายจังหวะที่ช่วยลดความร้อนบนผิว ทำให้ขณะทำรู้สึกสบายกว่าเดิมและสามารถใช้พลังงานสูงขึ้นโดยไม่เจ็บ ผลลัพธ์จึงยกชัดกว่า เหนียงลด กรอบหน้าคมขึ้น และคงอยู่ได้นาน 8–12 เดือน ถือเป็นรุ่นที่ทั้งทรงพลังและตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการยกกระชับแบบเห็นผลจริงโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นเลย

ตารางเปรียบเทียบ Oligio X vs HIFU vs RF ทั่วไป

เทคโนโลยี ชั้นผิวที่เข้าถึง ความลึกของการยก ความสม่ำเสมอของพลังงาน ความสบายขณะทำ เหมาะกับใคร ผลลัพธ์อยู่ได้นาน
Oligio X Dermis +
Subcutaneous + แตะชั้น SMAS
ลึก 3 มิติ ยกทั้งชั้นผิว–ชั้นไขมัน–โครงสร้าง สูงมาก (Dual Mode GXG)
กระจายพลังงานทั่วแผ่น ไม่ทิ้งจุดร้อนเฉพาะจุด
สบายกว่าเพราะมีระบบ Cooling หลายชั้น ช่วยลดความร้อนบนผิว แก้มตก เหนียงเริ่มมา
ต้องการ “ยกชัด เห็นทรง”
ประมาณ 8–12 เดือน*
HIFU ชั้น SMAS + จุดจำเพาะ ลึกแต่เป็น “จุด ๆ” ไม่ต่อเนื่องเป็นแผ่น ปานกลาง
พลังงานไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่เท่า Oligio X
ระดับกลาง – มีโอกาสรู้สึกเจ็บได้ เหมาะกับยกเฉพาะจุด
เช่น กรอบหน้าบางส่วน
ประมาณ 6–9 เดือน*
RF ทั่วไป Dermis (ชั้นผิวตื้นกว่า) ยกเบา ๆ เฉพาะผิวชั้นบน ต่ำ
พลังงานกระจาย ไม่ลงลึกถึงชั้นโครงสร้าง
เจ็บเล็กน้อยถึงพอทนได้ ผิวหย่อนเล็กน้อย
ต้องการความเฟิร์มแบบซอฟต์ ๆ
ประมาณ 2–4 เดือน*

ทำไมหลายคนเลือก Oligio X แทน HIFU?

หลายคนเปลี่ยนจาก HIFU มาเป็น Oligio X เพราะต้องการผลลัพธ์ที่ยกชัดกว่าและสม่ำเสมอทั่วทั้งใบหน้า HIFU ให้ความร้อนแบบ “จุด” ซึ่งเหมาะกับการยกบางบริเวณ เช่น ใต้คางหรือกรอบหน้า แต่ไม่สามารถกระจายพลังงานลึกอย่างต่อเนื่องได้ ทำให้ผลลัพธ์บางครั้งดูไม่สม่ำเสมอ ขณะที่ Oligio X ใช้คลื่น Monopolar RF 6.78 MHz ร่วมกับ Dual Mode ทำให้พลังงานไหลลงลึกอย่างนุ่มนวล เข้าถึงทั้งชั้นหนังแท้ ชั้นไขมัน และแตะชั้น SMAS ในจังหวะเดียว ทำให้ยกได้ทั้งหน้ามากกว่าเฉพาะจุด อีกทั้งยังมีระบบความเย็นหลายชั้น ช่วยลดความเจ็บลง ทำให้ปรับพลังงานได้แรงกว่าและได้ผลดีกว่า HIFU โดยที่คนไข้รู้สึกสบายกว่ามาก ผลลัพธ์หลังทำจึงมักเห็นการยกกระชับทันที 20–30% และค่อย ๆ ชัดขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 45–60 วัน อยู่ได้นานกว่า 8–12 เดือน จึงกลายเป็นเหตุผลที่หลายคนเลือก Oligio X เป็นตัวหลักในการยกกระชับแทน HIFU ในปัจจุบัน

Oligio X เจ็บไหม?

Oligio X เป็นหนึ่งในเทคโนโลยียกกระชับที่ให้ความสบายที่สุดในกลุ่ม Monopolar RF เพราะมีระบบทำความเย็นหลายชั้นที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิผิวด้านบนให้เย็นอยู่ตลอดเวลา แม้พลังงานภายในจะลงลึกและแรงกว่า Oligio รุ่นแรกหรือเทคโนโลยีอื่น ๆ แต่ผู้ทำจะรู้สึกเพียง “อุ่นลึก ๆ” หรือ “จี๊ดเบา ๆ” เท่านั้น ไม่ได้แสบหรือร้อนจนทนไม่ได้เหมือน RF รุ่นเก่า โดยเฉพาะบริเวณที่ผิวบาง เช่น ใต้คางหรือกรอบหน้า ก็ยังคงสบายกว่ามาก เมื่อรวมกับ Dual Mode ที่กระจายพลังงานแบบนุ่มลื่น ทำให้แพทย์สามารถตั้งค่าพลังงานสูงเพื่อให้ผลลัพธ์ยกชัดขึ้นได้โดยที่ผู้ทำแทบไม่รู้สึกเจ็บเลย จึงตอบคำถามได้ชัดเจนว่า Oligio X เจ็บน้อยมาก และถือว่าเป็นหนึ่งในโปรแกรมยกกระชับที่ทำสบายที่สุดในปัจจุบัน

Oligio X ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง?

Oligio X ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการปัญหาความหย่อนคล้อยในหลายระดับ ตั้งแต่ผิวชั้นบนไปจนถึงโครงสร้างลึกใต้ชั้นผิว ทำให้สามารถแก้ปัญหาบริเวณใบหน้าได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น แก้มตก เหนียงใต้คาง กรอบหน้าไม่ชัด รูปหน้าไม่คม ผิวไม่แน่น เอียงลงตามแรงโน้มถ่วง หรือริ้วรอยจากความหย่อน ทั้งยังช่วยปรับความกระชับของผิวที่อ่อนแรงจากอายุที่เพิ่มขึ้น ความเครียด หรือการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยการยิงพลังงาน RF ลงสู่ชั้นหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิว ทำให้คอลลาเจนหดตัวทันทีและกระตุ้นการสร้างใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผิวค่อย ๆ ตึงขึ้น เต่งขึ้น และเรียบเนียนขึ้นตามเวลา นอกจากนี้ยังช่วยลดความบวมใต้คาง จัดสัดส่วนใบหน้าให้ได้รูป และทำให้ผิวโดยรวมดูเฟิร์มขึ้น เหมือนยกหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด จึงเหมาะมากสำหรับคนที่เริ่มรู้สึกว่าหน้าตกลงเล็กน้อย กรอบหน้าเริ่มหาย หรือผิวขาดความยืดหยุ่นและอยากได้ความกระชับที่เห็นผลจริงแบบไม่ต้องพักฟื้นเลย

Oligio X ทำตรงไหนได้บ้าง?

Oligio X สามารถทำได้หลายบริเวณทั่วใบหน้าและลำคอ เพราะพลังงาน Monopolar RF ความถี่ 6.78 MHz สามารถลงลึกถึงชั้นหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิวได้อย่างสม่ำเสมอ ทำให้ยกกระชับได้ทั่วถึงทั้งโครงสร้างผิว โดยเฉพาะบริเวณที่มีปัญหาหย่อนคล้อยมากที่สุด เช่น แก้มที่ตกลงตามอายุ เหนียงใต้คาง กรอบหน้าที่เริ่มหาย ร่องแก้มที่ลึกขึ้น หรือผิวข้างแก้มที่ดูอ่อนแรง นอกจากนี้ยังสามารถใช้กระตุ้นความแน่นของผิวบริเวณขมับ ใต้หางตา และบริเวณลำคอได้ด้วย ช่วยลดความหย่อนคล้อยตามแนวคอและกรอบคอ ทำให้ผิวโดยรวมดูแน่นขึ้น เรียบขึ้น และยกขึ้นแบบธรรมชาติโดยไม่ต้องผ่าตัด จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับทั้งหน้า หรือแก้ปัญหาเฉพาะจุด เช่น ใต้คางหรือขอบกรอบหน้าให้กลับมาคมชัดอีกครั้ง

งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี Monopolar RF 

แม้จะไม่มีงานวิจัยเฉพาะเจาะจงชื่อ Oligio X โดยตรง แต่พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ของเครื่องนี้อยู่บนเทคโนโลยี Monopolar Radiofrequency และการส่งพลังงานลึกระดับ 6–7 MHz ซึ่งเป็นหัวใจเดียวกับงานวิจัยด้านการยกกระชับผิวในวงการแพทย์ผิวหนังที่ได้รับการตีพิมพ์อย่างเป็นทางการ เราจึงสามารถอ้างอิงแนวทางวิชาการเหล่านี้ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ โดยเฉพาะในเรื่องผลลัพธ์การหดตัวของคอลลาเจน การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และความสามารถของ RF ในการลดไขมันผิวเผิน ซึ่งเป็นกลไกที่สอดคล้องกับหลักการทำงานของ Oligio X ทุกประการ

งานวิจัยใน Journal of Drugs in Dermatology (2014) พบว่า Monopolar RF สามารถทำให้เส้นใยคอลลาเจนหดตัวทันทีและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในช่วงหลายสัปดาห์หลังทำ ช่วยให้ผิวกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด งานวิจัยใน Dermatologic Surgery (2013) รายงานว่า RF ความถี่ประมาณ 5–6 MHz สามารถลงถึงชั้นไขมันใต้ผิวและช่วยลดความหย่อนคล้อยบริเวณกรอบหน้าและใต้คางได้จริง นอกจากนี้งานวิจัยใน Lasers in Surgery and Medicine (2015) ยังยืนยันว่าอุณหภูมิ 60–70°C จากพลังงาน RF ทำให้เกิด “thermal collagen remodeling” ซึ่งเป็นกระบวนการฟื้นฟูคอลลาเจนแบบต่อเนื่อง จึงทำให้ผิวแน่นขึ้นเรื่อย ๆ หลังทำ

กล่าวโดยสรุป งานวิจัยเหล่านี้ยืนยันกลไกสำคัญของ Monopolar RF ที่เป็นพื้นฐานของ Oligio X ทำให้มั่นใจได้ว่าเทคโนโลยียกกระชับนี้มีรากฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนและปลอดภัยในระดับการแพทย์

ทำไมต้อง “Oligio X ที่กังนัมคลินิก”?ทำไมต้อง “Oligio X ที่กังนัมคลินิก”?

 การทำ Oligio X ที่กังนัมคลินิกไม่ได้เป็นเพียงการยิงพลังงานเพื่อยกกระชับผิว แต่คือกระบวนการที่ละเอียดอ่อนและใส่ใจในทุกมิติ ตั้งแต่การประเมินโครงสร้างใบหน้ารายบุคคล ไปจนถึงการเลือกพลังงานที่เหมาะสมกับชั้นผิวของแต่ละคน ทีมแพทย์ของกังนัมคลินิกให้ความสำคัญกับ “ความลึก–ความแม่นยำ–และความปลอดภัย” เป็นหลัก ใช้เทคนิคเฉพาะที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้พลังงาน RF ลงสู่ชั้นผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพโดยไม่ก่อให้เกิดความร้อนสะสมที่ผิวด้านบน พร้อมระบบเครื่องมาตรฐานสูงที่ผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ทำให้สามารถใช้พลังงานได้ลึกกว่าและให้ผลลัพธ์ชัดกว่าโดยที่ผู้รับบริการยังรู้สึกสบาย นอกจากนี้แพทย์ยังติดตามการตอบสนองของผิวแบบเรียลไทม์ระหว่างทำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวย เป็นธรรมชาติ และสอดคล้องกับโครงหน้าแต่ละคนอย่างแท้จริง จึงไม่น่าแปลกที่ Oligio X ที่กังนัมคลินิกจะถูกเลือกเพราะมาตรฐานการทำงานที่แตกต่างและการดูแลที่ละเอียดในระดับที่พิถีพิถันจนเห็นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ

Oligio X สามารถทำร่วมกับหัตถการไหนได้บ้าง  ?

Oligio X สามารถทำร่วมกับหลายหัตถการเพื่อเสริมผลลัพธ์ให้ยกชัดขึ้นและอยู่นานกว่าเดิม เพราะแต่ละปัญหาบนใบหน้าไม่ได้เกิดจากชั้นผิวเดียว การผสมผสานหัตถการที่แก้คนละเลเยอร์จึงให้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์กว่า เช่น ทำร่วมกับ HIFU หรือ Ulthera เพื่อยกชั้น SMAS ในจุดที่หย่อนมาก, ทำร่วมกับ ฟิลเลอร์ เพื่อเติม Volume ที่หายไปอย่างร่องแก้มหรือคาง, ทำร่วมกับ Skin Booster / Mesotherapy เพื่อฟื้นฟูคุณภาพผิว และทำร่วมกับ โบทูลินัมท็อกซิน เพื่อคลายกล้ามเนื้อที่ดึงหน้าให้หย่อน เมื่อทำแบบคอมโบ Oligio X จะช่วยยกผิวชั้นบน ส่วนหัตถการอื่นจะจัดการชั้นไขมัน กล้ามเนื้อ หรือโครงสร้าง ส่งผลให้ใบหน้ากระชับเข้ารูป เนียนสวย และคงผลลัพธ์ได้นานกว่าแบบทำเดี่ยว ๆ

Oligio X สามารถทำกับหัตถการอื่นได้ไหม

คู่หัตถการ เหมาะกับปัญหา ผลลัพธ์ที่ได้ เหตุผลที่เข้ากันดี
Oligio X + HIFU / Ulthera กรอบหน้าไม่ชัด, แก้มตกมาก, ผิวหย่อนหลายระดับ ยกชัด 2 ชั้น: ชั้นไขมัน + ชั้น SMAS Oligio X ยกชั้นไขมัน / HIFU ยก SMAS → ยกแบบ 3 มิติ
Oligio X + ฟิลเลอร์ ร่องแก้มลึก, ใต้ตาตอบ, คางสั้น, หน้าดูโทรม ยก + เติม Volume ให้ใบหน้ากลับมาเต็มธรรมชาติ RF ยกผิว / ฟิลเลอร์เติมโครงสร้าง → หน้าเด็กและเข้ารูปขึ้น
Oligio X + โบกราม / โบท็อกซ์ กรามใหญ่, หน้าทรงเหลี่ยม, หน้าไม่เรียว กรอบหน้าคมขึ้น 2 เท่า โบลดการดึงกล้ามเนื้อ / Oligio X กระชับผิว → หน้าเรียวแบบไม่ผ่าตัด
Oligio X + Skin Booster (Reju / DNA / HA) ผิวแห้ง ขาดน้ำ แต่งหน้าไม่ติด ผิวไม่เด้ง ผิวเด้งฟู + กระชับแน่น Oligio X ยกผิว / Booster เติมคุณภาพผิว → ผิวนุ่มและแน่นขึ้น
Oligio X + เมโสแฟต แก้มล่างใหญ่, เหนียงเยอะ, ไขมันสะสม หน้าเรียวไว + กรอบชัด เมโสลดไขมัน / Oligio X กระชับผิว → ลดและยกไปพร้อมกัน
Oligio X + เลเซอร์ผิว (Pico / Rejuvenation) ผิวหมอง, จุดด่างดำ, สีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวใส + หน้าเรียวพร้อมกัน เลเซอร์จัดการเม็ดสี / Oligio X แก้ความหย่อน → ผิวสวยครบมิติ
Oligio X + คอลลาเจนบูสเตอร์ (Sculptra / Nucleofill) ผิวอ่อนแรง ขาดโครงสร้าง หน้าโทรมไว ผิวแข็งแรง ยกทนกว่าเดิม Booster สร้างโครงสร้างผิวลึก / Oligio X ยกทันที → ผลลัพธ์อยู่นานขึ้น

คู่ไหนเหมาะกับรูปหน้าแบบไหน?

รูปหน้า / ปัญหา คู่หัตถการที่เหมาะที่สุด เหตุผลที่เหมาะ
ใบหน้ากลม + ไขมันเยอะ
แก้มล่าง–เหนียงชัด
Oligio X + เมโสแฟต เมโสแฟตช่วยลดไขมันผิวเผิน ส่วน Oligio X กระชับชั้นไขมันและผิวบน ทำให้หน้าเรียวและกรอบหน้าชัดขึ้นแบบสองทาง
ใบหน้ารูปไข่
เริ่มหย่อน เหนียงเล็กน้อย
Oligio X + HIFU / Ulthera Oligio X ยกชั้นไขมัน → HIFU/Ulthera ยกชั้น SMAS ได้ผลแบบ “ยก 3 ชั้น” (ผิว–ไขมัน–SMAS) ทำให้หน้าได้รูปขึ้นมาก
ใบหน้ามีร่องแก้มลึก
แก้มตอบ หรือขาด Volume
Oligio X + ฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์เติม Volume ส่วน Oligio X กระชับผิวด้านบน ผลลัพธ์เนียน เป็นธรรมชาติ และอยู่ทนนานกว่า
ใบหน้าเหลี่ยม กรามใหญ่
จากกล้ามเนื้อ
Oligio X + โบกราม โบลดแรงดึงกล้ามเนื้อ → Oligio X เก็บขอบกรอบหน้า ทำให้หน้าตอบและคมขึ้นชัดเจน
ผิวอ่อนแรง แห้ง ขาดน้ำ
แต่งหน้าไม่ติด
Oligio X + Skin Booster (HA / DNA / Reju) Booster บำรุงคุณภาพผิวลึก ส่วน Oligio X ยกกระชับ ทำให้ผิวนุ่ม เด้ง ฟู และยกในเวลาเดียวกัน
ผิวหมอง ไม่เท่ากัน
จุดด่างดำร่วมกับผิวหย่อน
Oligio X + Pico / เลเซอร์ผิว เลเซอร์แก้เม็ดสี → Oligio X กระชับชั้นผิว ได้ผิวใส + หน้าเรียวในคอร์สเดียวแบบครบมิติ

ผลลัพธ์หลังทำ Oligio X ที่เห็นได้ชัดตั้งแต่ครั้งแรก

ผลลัพธ์ที่ได้หลังทำจึงไม่ใช่แค่ใบหน้าที่ดูยกขึ้นทันที แต่ยังรวมถึงการปรับโครงสร้างผิวให้แน่นขึ้นจริง ลดแก้มที่ตก ลดเหนียงใต้คาง และช่วยให้กรอบหน้าคมชัดมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และเหมาะกับผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไปที่เริ่มรู้สึกว่าผิวไม่กระชับเหมือนเดิม

สรุป Oligio X ยกกระชับลึกแบบแพทย์ออกแบบ

เมื่อมองภาพรวมทั้งหมด Oligio X คือเทคโนโลยียกกระชับยุคใหม่ที่ต่อยอดจาก Monopolar RF ให้ลงลึกและแม่นยำกว่าเดิม ทั้งในแง่ความลึกของพลังงาน ความสม่ำเสมอของช็อต และความสบายขณะทำ พลังงานความถี่ 6.78 MHz ที่ทำงานร่วมกับระบบ Dual Mode (GXG) ช่วยให้ความร้อนลงถึงทั้งชั้นหนังแท้ ชั้นไขมัน และแตะชั้น SMAS ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของใบหน้า ทำให้ไม่ใช่แค่ผิวตึงขึ้นชั่วคราว แต่เป็นการฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากข้างในจริง ๆ ผิวจึงค่อย ๆ แน่นขึ้น แก้มที่ตกและเหนียงใต้คางลดลง กรอบหน้าคมชัดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น

ด้วยจุดเด่นที่ยกได้ลึกกว่า RF รุ่นเก่า สม่ำเสมอกว่า HIFU ในหลายเคส และยังสามารถจับคู่กับหัตถการอื่นอย่างฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ เมโสแฟต หรือ Skin Booster เพื่อออกแบบรูปหน้าแบบ 3 มิติ Oligio X จึงเหมาะกับคนที่เริ่มรู้สึกว่าหน้าตกลงเล็กน้อย ผิวขาดความกระชับ หรืออยากเห็นหน้าชัดขึ้นแต่ยังไม่อยากผ่าตัดดึงหน้า ยิ่งเมื่อนำมาทำภายใต้ทีมแพทย์ที่เข้าใจโครงสร้างใบหน้าและเลือกพลังงานได้อย่างเหมาะสม เช่น ที่ Gangnam Clinic ผลลัพธ์ที่ได้จะไม่ใช่แค่ “หน้าเรียวขึ้น” แต่คือใบหน้าที่ดูยก กระชับ และบาลานซ์กับตัวตนของคนไข้แต่ละคนจริง ๆ พร้อมผลลัพธ์ที่คงอยู่ได้นาน 8–12 เดือนอย่างมั่นใจ

สำหรับคนที่สนใจโปรโมชั่น หรือข้อมูลหัตถการต่างๆ สามารถแอดไลน์ @gangnamclinic และช่องทาง Facebook  เพื่อสอบถามโปรโมชั่นเพิ่มเติม และสามารถเข้ามาปรึกษาหมอฟรี ที่กังนัมคลินิกใกล้บ้านคุณ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย 

References

  1. Fitzpatrick R, Sadick N. The Use of Monopolar Radiofrequency for Skin Tightening. Journal of Drugs in Dermatology. 2014.
  2. Ruiz-Esparza J. Radiofrequency for Facial Laxity: Tissue Effects and Clinical Results. Dermatologic Surgery. 2013.
  3. Elsaie ML. Thermal-Induced Collagen Remodeling After RF Treatment. Lasers in Surgery and Medicine. 2015.
  4. Mulholland RS et al. Subdermal Heating and Fat Remodeling Using Radiofrequency. Plastic and Reconstructive Surgery. 2018.
    Ruiz-Esparza J. Radiofrequency for Facial Laxity. Dermatol Surg. 2013.
  5. Elsaie ML. Collagen Remodeling After RF. Lasers Surg Med. 2015.
  6. Mulholland RS. Subdermal Heating & Fat Remodeling. Plast Reconstr Surg. 2018.
  7. Fitzpatrick R. Monopolar RF for Skin Tightening. J Drugs Dermatol. 2014.
  8. Aesthetic Surgery Journal. Masseter Injection and Lower Face Contouring Outcomes. 2018.

 

ปรึกษาหมอฟรี กังนัมคลินิก 43 สาขาใกล้บ้าน

Scroll to Top
gangnamclinicthailand