หากพูดถึงหัตถการที่ช่วยเติมเต็มและแก้ปัญหาต่าง ๆ บนใบหน้าได้อย่างรวดเร็ว และไม่ต้องผ่าตัดให้เจ็บตัวและไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนาน การฉีดฟิลเลอร์ ถือเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมมาก ซึ่งในปัจจุบันก็มีฟิลเลอร์หลายยี่ห้อ ที่มีคุณสมบัติและความโดดเด่นที่แตกต่างกัน ทำให้หลายคนมีคำถามว่าควรเลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี และแต่ละยี่ห้อแตกต่างกันอย่างไร
ในบทความนี้เราจึงจะพามาทำความรู้จักกับฟิลเลอร์ยี่ห้อยอดนิยม ว่าแต่ละรุ่นมีคุณสมบัติและความโดดเด่นต่างกันอย่างไรบ้าง และเหมาะกับการฉีดบริเวณไหน นอกจากนี้ยังมีวิธีการตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ เพื่อให้ฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยอีกด้วย
การฉีดฟิลเลอร์คืออะไร?
การฉีดฟิลเลอร์ เป็นการฉีดสารเติมเต็มที่ปลอดภัยอย่าง ไฮยาลูรอนิก แอซิด Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารที่เติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว เข้าไปในบริเวณผิวหน้า เพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ บนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นปัญหาร่องแก้ม ริ้วรอย ยกกระชับกรอบหน้า หรือฉีดเพิ่มวอลลุ่มให้ริมฝีปากดูชุ่มชื้นและอวบอิ่มมากขึ้น โดยการฉีดฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่ปลอดภัย และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ แต่ต้องเลือกทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ และใช้ฟิลเลอร์แท้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยมากที่สุด
ฟิลเลอร์สามารถฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?
ฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มที่นิยมฉีดบริเวณใบหน้า สามารถฉีดได้หลากหลายบริเวณ เพื่อแก้ปัญหาผิวและจุดบกพร่องต่าง ๆ ซึ่งบริเวณที่สามารถฉีดได้และนิยมฉีดกันมีดังนี้
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยแก้ปัญหาใต้ตาลึก โบ๋ รอยคล้ำใต้ตา ช่วยให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์มากขึ้น
- ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ช่วยแก้ปัญหาร่องแก้มลึก ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
- ฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยแก้ปัญหาปากบาง มุมปากตก และแก้ปัญหาปากแห้งกร้าน ทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มมากยิ่งขึ้น
- ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ช่วยเติมเต็มหน้าผากให้ดูเต็มอิ่ม ทำให้หน้าผากดูโหนกนูนและได้รูปสวยมากขึ้น
เนื้อของฟิลเลอร์มีแบบไหนบ้าง?
เนื้อของฟิลเลอร์ที่นิยมใช้กันจะมีอยู่ 3 แบบหลัก คือ เนื้อละเอียด, ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม และฟิลเลอร์เนื้อแข็ง ซึ่งเนื้อฟิลเลอร์แต่ละแบบจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังนี้
ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด
เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อบางเบาที่สุด มีเนื้อละเอียดคล้ายน้ำ ทำให้กระจายตัวเข้าสู่ชั้นผิวได้ดี เหมาะสำหรับการเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว และเติมเต็มริ้วรอยตื้น ๆ จึงเหมาะสำหรับบริเวณการฉีดฟิลเลอร์บริเวณใต้ตา, ร่องน้ำตา และบริเวณริมฝีปาก
ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม
เป็นฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นคล้ายเยลลี่ ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความนุ่มฟู ไม่จับตัวเป็นก้อน เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึกที่ไม่ลึกมาก เช่น ร่องแก้ม, ปาก, แก้มตอบ, หน้าผาก หรือฉีดเพื่อเพิ่มความอวบอิ่มแบบเป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง
เป็นฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่น คงตัวสูง สามารถปั้นและขึ้นรูปได้ดี เหมาะสำหรับการปรับรูปหน้า เพิ่มมิติโครงสร้างใบหน้า เช่น คาง, จมูก, โหนกแก้ม หรือกรอบหน้า นอกจากนี้ยังเป็นฟิลเลอร์ที่อยู่ตัวได้นานที่สุดอีกด้วย
3 ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี อัปเดตปี 2025
ฟิลเลอร์มีให้เลือกหลายยี่ห้อ ซึ่งกังนัมคลินิกจะมีฟิลเลอร์จากแบรนด์ระดับโลก ที่ผ่านมาตรฐาน อย.โดยจะมีฟิลเลอร์ 3 ยี่ห้อยอดนิยมที่มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ดังนี้
Restylane
ฟิลเลอร์สัญชาติสวีเดน ที่มีความปลอดภัยสูง ผ่านมาตรฐานอย. ไทยและการรับรองจาก FDA จากประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับการยอมรับจากแพทย์ผิวหนังและความงามทั่วโลก โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตเฉพาะตัว NASHA™ ที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์แน่น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการยกกระชับผิวบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้า และ XpresHAn™ (OBT) ซึ่งทำให้เนื้อยืดหยุ่น มีความนุ่มและเป็นธรรมชาติ มีหลายรุ่นให้เลือก แต่ละรุ่นออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่แตกต่างกัน ได้แก่
- Restylane Volyme เป็นฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ที่มีความยืดหยุ่นสูง โดดเด่นด้านการเติมเต็มชั้นผิวให้ผิวดูอิ่มน้ำ เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณ แก้ม ขมับ และใต้ตา เพื่อเพิ่มวอลลุ่มให้ใบหน้าดูเอิบอิ่มมากขึ้น
- Restylane Defyne เป็นฟิลเลอร์เนื้อเจลบางเบา มีความยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับการแก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึก โดยเฉพาะบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวใบหน้าบ่อย เช่น ร่องแก้ม และ ร่องน้ำหมาก ที่ลึกปานกลางถึงมาก เพื่อให้ผิวดูกระชับและเรียบเนียนยิ่งขึ้น
- Restylane Kysse เป็นฟิลเลอร์เนื้อนุ่ม บางบาง เหมาะสำหรับการเติมความชุ่มชื้นและเพิ่มความอวบอิ่มให้กับริมฝีปาก ช่วยให้ปากดูอวบอิ่มและเป็นธรรมชาติ
- Restylane Vital Light เป็นฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลขนาดเล็กและเนื้อนิ่มมาก เหมาะสำหรับฉีดเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวและลดริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณใบหน้า เช่น ใต้ตา และ ริมฝีปาก ที่แห้งกร้าน
- Restylane Lyft เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง มีความคงตัวสูง เหมาะสำหรับการสร้างโครงหน้าให้ดูมีมิติ เช่น ขมับ คาง และ โหนกแก้ม
Juvederm
ฟิลเลอร์สัญชาติอเมริกา ที่มีความปลอดภัยสูง ผ่านมาตรฐานอย. ไทยและการรับรองจาก FDA จากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้เทคโนโลยี Hylacross และ Vycross ที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นและกระจายตัวได้ดี จึงทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ และมีหลายรุ่นให้เลือก ดังนี้
- Juvederm Volite เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียดที่มีความบางเบา ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เหมาะสำหรับเติมริ้วรอยเล็กๆ ทั่วใบหน้า ใต้ตา
- Juvederm Volbella เป็นฟิลเลอร์เนื้อละเอียดที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก มีเนื้อสัมผัสนุ่มคล้ายเจลลี่ เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณที่ต้องการเติมความชุ่มชื้นและความเรียบเนียนสูงเช่น ริมฝีปาก และใต้ตา
- Juvederm Volift เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อนิ่มปานกลาง มีความยืดหยุ่นและคงตัวได้ดี ไม่ทำให้ฟิลเลอร์ไหลหรือเป็นก้อน เหมาะสำหรับการเติมเต็มร่องลึกและช่วยลดริ้วรอย ช่วยแก้ปัญหาร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ขมับ และยกริมฝีปาก
- Juvederm Voluma เป็นฟิลเลอร์เนื้อแข็ง ฟูปานกลาง มีความยึดตัวสูงและอุ้มน้ำน้อย จึงเหมาะสำหรับการยกกระชับและเติมเต็มบริเวณแก้มตอบ แก้มส้ม ขมับ และคาง
- Juvederm Volux เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแข็งและกระจายตัวได้ดีที่สุด จึงเหมาะสำหรับการใช้ปั้นรูปหน้าบริเวณคางและกรอบหน้า
Neuramis
ฟิลเลอร์สัญชาติเกาหลีใต้ ที่มีความปลอดภัยสูง ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย.ไทย, FDA ประเทศสหรัฐอเมริกา , KFDA ประเทศเกาหลี และ EDQM ผู้อำนวยการยุโรปด้านคุณภาพยาและการดูแลสุขภาพ โดยใช้เทคโนโลยี SHAPE ที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นและคงตัวสูง ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีความแตกต่างกันไป ดังนี้
- Neuramis Deep เป็นฟิลเลอร์เนื้อหนืดปานกลาง ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิวอิ่มฟูจึงเหมาะสำหรับการให้มีความอวบอิ่มแบบเป็นธรรมชาติ
- Neuramis Volume เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อหนืด มีความคงตัวสูง จึงเหมาะสำหรับการยกกระชับใบหน้า เช่น ขมับและร่องแก้มลึก
ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี แต่ละรุ่น เหมาะกับฉีดบริเวณไหนบ้าง?
ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อและแต่ละรุ่น มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน แต่ละคลินิกจึงมีให้เลือกหลากหลาย เพื่อสามารถฉีดฟิลเลอร์ให้เหมาะกับบริเวณที่ต้องการและปัญหาผิวของคนไข้แต่ละคน ซึ่งฟิลเลอร์แต่ละรุ่น เหมาะสำหรับการฉีดบริเวณที่แตกต่างกัน ดังนี้
Restylane
เป็นฟิลเลอร์ที่โดดเด่นเรื่องเนื้อแน่นและมีความยืดหยุ่นสูง สามารถแก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย
- Restylane Volyme เหมาะสำหรับบริเวณที่ต้องการเพิ่มวอลลุ่มให้ใบหน้าดูอิ่มฟู เช่น แก้ม, ขมับ, ใต้ตา
- Restylane Defyne เหมาะกับบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อยและต้องการลดริ้วรอยร่องลึก เช่น ร่องแก้ม, ร่องน้ำหมาก
- Restylane Kysse เหมาะสำหรับ ริมฝีปาก ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้นและอวบอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติ
- Restylane Vital Light เหมาะสำหรับการลดริ้วรอยตื้นๆ และเพิ่มความชุ่มชื้น เช่น ใต้ตา และ ริมฝีปาก ที่แห้งกร้าน
- Restylane Lyft เหมาะสำหรับสร้างมิติให้โครงหน้า เช่น ขมับ, คาง, โหนกแก้ม
Juvederm
เป็นฟิลเลอร์ที่โดดเด่นเรื่องความยืดหยุ่นและกระจายตัวได้ดี ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ
- Juvederm Volite เหมาะสำหรับเติมความชุ่มชื้นและริ้วรอยเล็กๆ ทั่วใบหน้า รวมถึง ใต้ตา
- Juvederm Volbella เหมาะสำหรับบริเวณที่ต้องการความเรียบเนียนและความชุ่มชื้นสูง เช่น ริมฝีปาก และ ใต้ตา
- Juvederm Volift เหมาะสำหรับเติมร่องลึกและลดริ้วรอย เช่น ร่องแก้ม, ร่องน้ำหมาก, ขมับ
- Juvederm Voluma เหมาะสำหรับยกกระชับและเติมเต็ม เช่น แก้มตอบ, แก้มส้ม, ขมับ และ คาง
- Juvederm Volux เหมาะสำหรับปั้นรูปหน้าและสร้างกรอบหน้าให้คมชัด เช่น คาง และ กรอบหน้า
Neuramis
เป็นฟิลเลอร์เนื้อบางเบา เหมาะสำหรับการปรับรูปหน้าและแก้ไขปัญหาริ้วรอยร่องลึกได้อย่างเป็นธรรมชาติ
- Neuramis Deep เหมาะสำหรับการเติมเต็มขมับ แก้มส้ม เพื่อแก้ปัญหาแก้มตอบ คาง ร่องน้ำหมาก และริมฝีปาก ให้มีความอวบอิ่มแบบเป็นธรรมชาติ
- Neuramis Volume เหมาะสำหรับการยกกระชับใบหน้า เช่น ขมับและร่องแก้มลึก
ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ อยู่ได้นานแค่ไหน?
ฟิลเลอร์ไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) ที่นิยมใช้กันในคลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐาน โดยทั่วไปจะอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน – 2 ปี ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีอายุการใช้งานที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีการผลิตและปริมาณของสารเติมเต็ม ซึ่งฟิลเลอร์แต่ละรุ่น จะอยู่ได้นานแตกต่างกันออกไปดังนี้
Restylane
ป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแน่นและมีความยืดหยุ่นสูง ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ได้นาน 12-18 เดือน และบางรุ่นที่อยู่ได้นาน 6-9 เดือน
- Restylane Volyme อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน
- Restylane Defyne อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน
- Restylane Kysse อยู่ได้นานประมาณ 6-9 เดือน
- Restylane Vital Light อยู่ได้นานประมาณ 6-9 เดือน
- Restylane Lyft อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน
Juvederm
เป็นฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นและกระจายตัวได้ดี ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ได้นาน 12-18 เดือน แต่บางรุ่นสามารถอยู่ได้นานถึง 18-24 เดือน
- Juvederm Volite อยู่ได้นานประมาณ 9-12 เดือน
- Juvederm Volbella อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน
- Juvederm Volift อยู่ได้นานประมาณ 12-18 เดือน
- Juvederm Voluma อยู่ได้นานประมาณ 18-24 เดือน
- Juvederm Volux อยู่ได้นานประมาณ 18-24 เดือน
Neuramis
เป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อบางเบา โดยทั่วไปจะอยู่ได้ประมาณ 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นที่ฉีดดังนี้
- Neuramis Deep อยู่ได้นานประมาณ 6-8 เดือน
- Neuramis Volume อยู่ได้นานประมาณ 12-24 เดือน
ฟิลเลอร์แท้และของปลอมดูอย่างไร?
เพื่อให้ฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย จึงควรตรวจสอบว่าฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อนั้นเป็นฟิลเลอร์แท้หรือไม่ ซึ่งวิธีดูฟิลเลอร์แท้และของปลอม สามารถตรวจสอบได้ทั้งจาก กล่องบรรจุภัณฑ์ ฉลาก เลขอย. เลข Lot และวันหมดอายุ รวมถึงบางรุ่นจะมี QR Code ที่สามารถสแกนเพื่อตรวจสอบกับบริษัทของผู้ผลิตได้ ซึ่งฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ จะมีวิธีการตรวจสอบดังนี้
ฟิลเลอร์ Restylane ของแท้สามารถตรวจสอบได้ดังนี้
- กล่องบรรจุภัณฑ์อยู่ในสภาพดี ไม่บุบชำรุด ไม่มีรอยเปิด หรือรอยฉีกขาด
- มีเลขทะเบียนอย. และเอกสารกำกับเป็นภาษาไทย
- มีสติกเกอร์โมโนแกรมปิดที่กล่อง และเมื่อลอกออกจะเห็นคำว่า VOID
- มีเลข Lot. ที่สติกเกอร์ กล่อง ซอง และหลอด ซึ่งเลข Lot. ทั้ง 4 จุดต้องตรงกันทั้งหมด
- สามารถตรวจสอบเลข Lot. ของแท้กับบริษัท Allergan Thailand (DSKH) โดยตรงได้ที่ 02-640-4999-1
ฟิลเลอร์ Juvederm ของแท้สามารถตรวจสอบได้ดังนี้
- กล่องบรรจุภัณฑ์อยู่ในสภาพดี ไม่บุบชำรุด ไม่มีรอยเปิด หรือรอยฉีกขาด
- มีเลขทะเบียนอย. และเอกสารกำกับเป็นภาษาไทย
- สามารถสแกน QR Code ที่หน้ากล่องเพื่อตรวจสอบได้ ผ่านแอปพลิเคชัน eZTracker
- มีเลข Lot. ที่สติกเกอร์ ข้างกล่อง และหลอด ซึ่งเลข Lot. ทั้ง 3 จุดต้องตรงกันทั้งหมด
- สามารถตรวจสอบเลข Lot. ของแท้กับบริษัท Galderma โดยตรงได้ที่ 02-023-1800-402
ฟิลเลอร์ Neuramis ของแท้สามารถตรวจสอบได้ดังนี้
- กล่องบรรจุภัณฑ์อยู่ในสภาพดี ไม่บุบชำรุด ไม่มีรอยเปิด หรือรอยฉีกขาด
- มีเลขทะเบียนอย. และฉลากข้างกล่องเป็นภาษาไทย
- สามารถสแกน QR Code ที่ข้างกล่องเพื่อตรวจสอบได้
- ข้างกล่องมีระบุข้อมูลบริษัทที่จัดจำหน่าย วันผลิต และวันหมดอายุ
ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ จะมีราคาที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งฟิลเลอร์ 1 cc จะมีราคาที่แตกต่างกันดังนี้
- ฟิลเลอร์ Juvederm 1 cc ราคาเริ่มต้น 10,693-15,000 บาท
- ฟิลเเลอร์ Restylane 1 cc ราคาเริ่มต้น 8,623-12,000 บาท
- ฟิลเลอร์ Neuramis 1 cc ราคาเริ่มต้น 5,966 บาท
สรุปฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี 2025 (Restylane, Juvederm, Neuramis)
ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อและแต่ละรุ่นจะมีเนื้อสัมผัส คุณสมบัติ และความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไป จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกใช้ฟิลเลอร์ให้ตรงกับความต้องการและปัญหาผิว เพื่อสามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ยังควรเลือกคลินิกความงามในการฉีดฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่สามารถตรวจสอบได้ เพื่อได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด