หนึ่งในวิธีที่ช่วยปรับรูปหน้า ลดริ้วรอย และเป็นวิธีที่นิยมมากในปัจจุบัน คือ การโบท็อกซ์ ซึ่งโบท็อกซ์นั้นมีมากมายหลายยี่ห้อจากหลายประเทศให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น โบท็อกซ์อังกฤษ โบท็อกซ์เยอรมัน โบท็อกซ์อเมริกา และโบท็อกซ์เกาหลี ซึ่งวันนี้ทางบทความจะพามาทำความรู้จักกับโบท็อกซ์เกาหลีกัน ว่าดีไหม มียี่ห้ออะไรบ้าง และราคาเท่าไหร่ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจฉีดโบท็อกซ์เกาหลี
โบท็อกซ์คือะไร ?
การฉีดโบท็อกซ์ (Botox) เป็นการใช้สาร Botulinum Toxin A ซึ่งสกัดมาจากแบคทีเรีย คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) ฉีดเข้าที่ผิวหนังบริเวณใบหน้า เพื่อลดริ้วรอยและปรับรูปหน้าให้เรียว กระชับตามความต้องการ
บทความแนะนำ : ฉีดโบท็อกแล้วไม่เห็นผล เลือกฉีดอย่างไรให้หน้าไม่แข็ง และปลอดภัย
หลักการทำงานของโบท็อกซ์
หลังจากทำการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปแล้ว ตัว Botulinum Toxin A จะเข้าไปทำให้เซลล์ประสาทของกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดหยุดหลั่งสารสื่อประสาทออกมา จึงทำให้เรารู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อบริเวณนั้นหดตัวลง ชา และตึงจนไม่สามารถขยับได้ สักพักกล้ามเนื้อส่วนที่ฉีดไปเมื่อครู่จะค่อย ๆ คลายตัวออกมา ทำให้ร่องลึกบนใบหน้าจางลง ระยะเวลาการเห็นผลจะแตกต่างออกไป ดังนี้
- หลังฉีดโบท็อกซ์ 2-3 วัน ริ้วรอยจะเริ่มดูจางลง
- หลังฉีดโบท็อกซ์ 7-14 วัน ริ้วรอยและร่องลึกเริ่มดูจางลง
โบท็อกซ์นั้นสกัดมาจากแบคทีเรีย คลอสตริเดียม โบทูลินัม ที่เป็นสารธรรมชาติ ดังนั้นร่างกายจะสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยใช้เวลาประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและชนิดของโบท็อกซ์ที่ใช้
โบท็อกซ์ช่วยเรื่องอะไร ?
ช่วยในเรื่องการลดเรือนริ้วรอยและช่วยให้ใบหน้าดูเต่งตึง นอกจากนี้ยังจะช่วยเรื่องเติมเต็มร่องลึกบนใบหน้าได้อีกด้วย โดยเฉพาะร่องแก้ม ยังช่วยยกระชับผิวหน้าที่หย่อนคล้อยและเพิ่มความเต่งตึงให้กับผิวหน้าทันทีโดยไม่ต้องมีการพักฟื้น อีกทั้งยังช่วยลดขนาดกล้ามเนื้อให้ดูเล็ก และอ่อนเยาว์อีกด้วย
โบท็อกซ์ทั้งหมดกี่ยี่ห้อ ?
โบท็อกซ์มีหลายยี่ห้อและมาจากหลายประเทศ ได้แก่
- โบท็อกซ์อเมริกา
ยี่ห้อ Allergan เป็นบริษัทที่ถูกพัฒนามานาน มีงานวิจัยรองรับเป็นจำนวนมาก ผู้ใช้มีอาการดื้อยาน้อย มีการกระจายตัวแคบจึงสามารถควบคุมการฉีดได้แม่นยำ - โบท็อกซ์อังกฤษ
ยี่ห้อ Dysport ตัวโบท็อกซ์สามารถกระจายตัวได้ดี เหมาะสำหรับจุดที่เป็นบริเวณกว้าง เช่น ต้นแขน รักแร้ น่อง เป็นต้น - โบท็อกซ์เยอรมัน
ยี่ห้อ Xeomin จะมีการนำโปรตีนที่ไม่จำเป็นออก จึงทำให้เหลือเฉพาะ Botulinum Toxin A ที่บริสุทธิ์ โมเลกุลมีขนาดเล็ก ฉีดแล้วไม่กระจุกตัวเกินไป มีงานวิจัยพบว่าได้ผลดีกับเคสผู้ที่มีการดื้อยาจากการหยุดฉีดโบท็อกมาแล้ว 2-3 ปี - โบท็อกซ์เกาหลี
ยี่ห้อ Nabota ,Aestox, Botulax และ Neuronox ซึ่งบทความนี้จะมาเจาะลึกเกี่ยวกับโบท็อกซ์เกาหลีกัน
ฉีดโบท็อกซ์เกาหลีดีไหม ?
การเลือกที่จะฉีดโบท็อกซ์เกาหลี นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากทำหัตถการแต่มีงบจำกัด เนื่องจากมีราคาที่สามารถจับต้องได้ อีกทั้งประสิทธิภาพยังไม่แตกต่างจากโบท็อกซ์ของอเมริกาเลย และเรื่องความปลอดภัยไม่ต้องเป็นกังวลเลย โบท็อกซ์ทุกยี่ห้อจากทุกประเทศที่เข้ามาในไทย ล้วนผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว
โบท็อกซ์เกาหลีมียี่ห้ออะไรบ้าง ?
ปัจจุบันมีด้วยกัน 4 ยี่ห้อหลัก ๆ ดังนี้
โบท็อกซ์ Nabota
เป็นโบท็อกซ์จากประเทศเกาหลี ถูกผลิตโดยบริษัท Daewoong Pharmaceutical เป็นยี่ห้อนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งยี่ห้อนี้มีมานานกว่า 30 แล้ว มีจุดเด่นคือ การใช้เทคโนโลยี HI-PURE Technology ในการผลิตตัวยาซึ่งให้ความบริสุทธิ์ถึง 98.7% ส่งผลให้เห็นผลไวกว่ายี่ห้ออื่น ๆ ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติและลดโอกาสการดื้อยาได้ดี Nabota มีอยู่ 2 รุ่น คือ
- Nabota (กล่องดำ) จำนวน 100 ยูนิต
- Nabota (กล่องแดง) จำนวน 200 ยูนิต
โบท็อกซ์ Aestox
เป็นโบท็อกซ์จากประเทศเกาหลี นำเข้าโดยบริษัท Aestec Pharma โดยมีการทำวิจัยร่วมกับโรงพยาบาลศิริราช ทำให้ได้โบท็อกซ์ที่มีมาตรฐานระดับสากลออกมา เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย ตัวยามีความบริสุทธิ์ อยู่ที่ 99.5% ซึ่งช่วยลดโอกาสการดื้อยาได้ดีสุด ๆ Aestox มีอยู่ด้วยกัน 3 รุ่น ดังนี้
- Aestox (กล่องม่วง) จำนวน 50 ยูนิต
- Aestox (กล่องฟ้า) จำนวน 100 ยูนิต
- Aestox (กล่องส้ม) จำนวน 200 ยูนิต
โบท็อกซ์ Botulax
เป็นโบท็อกซ์จากประเทศเกาหลี นำเข้าโดยบริษัท Cosma Medical ซึ่งบริษัทผู้ผลิตยี่ห้อนี้ มีการพัฒนาสูตรตัวโบท็อกซ์ให้มีความใกล้เคียงกับโบท็อกซ์ของอเมริกาอย่างยี่ห้อ Allergan ทำให้ตัวยามีความบริษัทสูงถึง 99.5% ผลลัพธ์ที่ได้จึงดูเป็นธรรมชาติและเห็นผลลัพธ์ได้ไว หลังจากฉากไม่มีอาการหน้าแข็งตึง Botulax มีทั้งหมด 2 รุ่น ดังนี้
- Botulax (กล่องฟ้า) 100 ยูนิต
- Botulax (กล่องเหลือง) 200 ยูนิต
โบท็อกซ์ Neuronox
เป็นโบท็อกซ์จากประเทศเกาหลี ผลิตโดยบริษัท Medytox เป็นโบท็อกซ์ที่เป็นสายพันธุ์ต้นฉบับ Hall A Hyper ซึ่งมีเพียง 2 ยี่ห้อในโลกเท่านั้น ซึ่งก็คือ Neuronox และ Allergan โบท็อกซ์จากอเมริกา มีงานวิจัยรองรับมากมาย ผลลัพธ์ที่ออกมาจะคล้ายกันคือ ยาออกฤทธิ์ไว Neutonox มีด้วยกัน 3 ดังนี้
- Neuronox (กล่องแดง) จำนวน 50 ยูนิต
- Neuronox (กล่องฟ้า) จำนวน 100 ยูนิต
- Neuronox (กล่องส้ม) จำนวน 200 ยูนิต
โบท็อกซ์เกาหลีกับโบท็อกซ์อเมริกา ต่างกันอย่างไร ?
ไม่ว่าจะเป็นการฉีดโบท็อกซ์เกาหลีหรือโบท็อกซ์อเมริกา หากจะให้เทียบกันเรื่องผลลัพธ์ก็ไม่ค่อยมีความแตกต่างกันเท่าไหร่ หากฉีดด้วยโบท็อกซ์แท้และทำที่คลินิกที่ได้มาตรฐาน แต่โบท็อกซ์จากทั้งสองประเทศก็ยังมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนี้
ข้อดีของโบท็อกซ์เกาหลี
- โบท็อกซ์เกาหลีมีราคาที่ถูกกว่าโบท็อกซ์อเมริกา
- โบท็อกซ์เกาหลีออกฤทธิ์ไวกว่าโบท็อกซ์อเมริกาเล็กน้อย
ข้อเสียของโบท็อกซ์เกาหลี
- โบท็อกซ์เกาหลีมีระยะเวลาในการเห็นผลสั้นกว่าโบท็อกซ์อเมริกา ซึ่งผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน
ข้อดีของโบท็อกซ์อเมริกา
- โบท็อกซ์อเมริกามีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% จึงทำให้โอกาสดื้อยาหลังจากฉีดโบท็อกซ์มีน้อย
- ยากระจายตัวแคบ สามารถออกฤทธิ์ได้อย่างแม่นยำ
- โบท็อกซ์อเมริกามีระยะเวลาในการเห็นผลยาวนานกว่าโบท็อกซ์เกาหลี ซึ่งผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน
ข้อเสียของโบท็อกซ์อเมริกา
- โบท็อกซ์อเมริกามีราคาที่สูงกว่าโบท็อกซ์เกาหลีหลายเท่า
ฉีดโบท็อกซ์เกาหลีทำให้ดื้อยาจริงไหม ?
อาการดื้อยาหลังจากฉีดโบท็อกซ์สามารถเกิดได้กับทุกยี่ห้อไม่ว่าจะเป็น โบท็อกเกาหลี โบท็อกอเมริกา โบท็อกอังกฤษ หรือโบท็อกเยอรมัน หากฉีดไม่ถูกต้องตามความเหมาะสมของตัวเองก็อาจจะทำให้เกิดการดื้อยาได้ ฉะนั้นถ้าไม่อยากให้ตัวเองมีการดื้อยา ควรระมัดระวังในเรื่องดังต่อไปนี้
- ฉีดด้วยโบท็อกซ์ของแท้เท่านั้น หากฉีดของปลอมอาจทำให้เกิดการดื้อยาง่ายมากกว่าปกติ
- ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ใบประกอบวิชาชีพ เนื่องจากแพทย์จะทราบเกี่ยวกับโครงสร้างร่างกายได้ดี ไม่ต้องกังวลเรื่องฉีดไปแล้วตัวยาจะไปโดนเส้นประสาททำให้มีอาการหน้าตึง ปากเบี้ยว ดังนั้นฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีความปลอดภัยอย่างแน่นอน
- ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ปริมาณมากเกินไป ก่อนทำโบท็อกซ์จะต้องปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อให้แพทย์ประเมินปัญหาว่าควรฉีดปริมาณเท่าไหร่ หากฉีดเยอะเกินไปยิ่งทำให้เกิดการดื้อยาได้ง่ายขึ้น
- ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์บ่อยเกินไป ควรเว้นระยะห่างกันอย่างน้อย 3 เดือน
- ไม่ควรเปลี่ยนยี่ห้อโบท็อกซ์บ่อย ๆ การเปลี่ยนยี่ห้อบ่อย ๆ ยิ่งทำให้เสี่ยงต่ออาการดื้อยามากขึ้น
และเมื่อเกิดการดื้อยาแล้ว ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษา แต่แพทย์จะแนะนำให้งดการฉีดโบท็อกซ์ก่อน เพื่อรอให้ภูมิต้านทานต่อโบท็อกซ์หายไปก่อน จึงจะสามารถกลับมาฉีดได้ โดยจะใช้เวลาประมาณ 3-5 ปี หรือมากกว่านั้นในบางกรณี
โบท็อกซ์เกาหลีราคาเท่าไหร่ ?
ราคาในการฉีดโบท็อกซ์เกาหลีอยู่ที่ประมาณ 3,500-12,000 บาทต่อ 100 ยูนิต ซึ่งแต่ละคลินิกราคาจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นแต่ละคลินิก แต่ของกังนัมคลินิกมีโปรโมชั่นการฉีดโบท็อกซ์เกาหลี 2 ยี่ห้อด้วยกัน คือ Nabota และ Aestox ซึ่งมีราคาดังนี้
โบท็อกซ์เกาหลียี่ห้อ Nabota
- 100 ยูนิต ราคา 5,966 บาท
โบท็อกซ์เกาหลียี่ห้อ Aestox
- 50 ยูนิต ราคา 3,696 บาท
สรุปโบท็อกซ์เกาหลีดีไหม ? มียี่ห้ออะไรบ้าง ? แตกต่างจากโบท็อกซ์อเมริกายังไง ?
โบท็อกซ์เกาหลี เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ผลิตตัวโบท็อกซ์ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาประเทศไทย มีด้วยกัน 4 ยี่ห้อ คือ Nabota, Aestox, Botulax และ Neuronox ซึ่งสามารถช่วยปรับรูปหน้า ลดริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่แพ้โบท็อกซ์จากอเมริกาเลย แต่มีข้อแตกต่างกันนิดหน่อย คือ โบท็อกซ์เกาหลีมีราคาที่ถูกกว่าโบท็อกซ์อเมริกาเท่าตัว ซึ่งมีราคาเริ่มต้นเพียงแค่ 5,966 บาทเท่านั้นเอง แต่ระยะเวลาของการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์เกาหลีจะน้อยกว่าโบท็อกซ์อเมริกา ดังนั้นโบท็อกซ์เกาหลีถือว่าคุ้มค่า จ่ายราคาสบายกระเป๋า แต่ได้ผลลัพธ์ระดับดีเยี่ยมเลย