เมื่อพูดถึงปัญหาหนักใจเกี่ยวกับใบหน้า ผิวหน้าหมองคล้ำก็ถือเป็นอีกปัญหาที่หลายๆคนมักจะรู้สึกกังวล และในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับหัตถการสุดฮิตในปี 2024 ถึง 6 หัตถการด้วยกัน ที่ไม่เพียงแต่ช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำอย่างเดียว แต่ยังมีส่วนช่วยปรับสภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นอีกด้วย พร้อมแล้วไปอ่านกันเลย!
การฉีดเมโสหน้าใส (Mesotherapy)
เริ่มกันที่หัตถการ เมโสหน้าใส หรือ Mesotherapy ซึ่งเป็นหนึ่งในหัตถการยอดฮิตที่ได้รับความนิยมอย่างมากและยังคงฮิตมาอย่างต่อเนื่อง โดยเทคนิคนี้เป็นการฉีดสารสกัดจากวิตามิน แร่ธาตุ และสารบำรุงผิวต่างๆ เข้าไปในชั้นผิวหนังโดยตรง ช่วยบำรุงผิวจากภายในสู่ภายนอก โดยจะเน้นไปที่การเพิ่มความกระจ่างใส ความชุ่มชื้น หรือต้านอนุมูลอิสระนั้นเอง
ประโยชน์ของเมโสหน้าใส
- ฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้กลับมากระจ่างใสยิ่งขึ้น
- ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้า กระ และรอยสิว
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและเต่งตึง
เมโสหน้าใสมีกี่แบบ
หลายๆ คนอาจจะคิดว่าการฉีดเมโสหน้าใสมีแค่เทคนิคใช่มั้ยละคะ แต่จริงๆ แล้วการฉีดเมโสหน้าใสมีด้วยกัน 2 วิธี โดนจะมีข้อแตกต่างหลักๆ ดังนี้
การฉีดแบบสะกิด
เป็นวิธีที่ใช้เข็มฉีดยาสะกิดบนผิวหน้าเป็นจุดเล็ก ๆ ทั่วบริเวณใบหน้า ข้อดีของวิธีนี้คือช่วยกระตุ้นผิวได้เร็ว แต่ข้อเสียคืออาจทำให้เกิดรอยแดงได้หลังการฉีดซึ่งจะหายได้เอง
การฉีดแบบ 16 จุด
เป็นวิธีการฉีดเมโสตามทิศทางการไหลเวียนของต่อมน้ำเหลือง โดยการฉีดวิธีนี้จะลึกลงไปในชั้นผิวหนังมากกว่าวิธีสะกิด ทำให้วิตามินและสารบำรุงเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น ข้อดีของวิธีนี้คือแผลที่เกิดจากการฉีดน้อยกว่า และผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ยาวนานขึ้นอีกด้วย
โดยรวมแล้ว การฉีดแบบ 16 จุดจะให้ประสิทธิภาพดีกว่า และเห็นผลที่ชัดเจนกว่าการฉีดแบบสะกิดนั้นเองค่ะ
การฉีดวิตามินผิว
ฉีดวิตามินผิว เป็นหนึ่งในวิธีดูแลผิวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยการฉีดวิตามินเข้าสู่ร่างกายจะช่วยฟื้นฟูและบำรุงผิวจากภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพจากการส่งวิตามินและสารบำรุงประเภทต่างๆ เข้าเส้นเลือดโดยตรง ช่วยให้ผิวดูขาวกระจ่างใส ชุ่มชื้น สุขภาพดี ซึ่งวิตามินที่นิยมนำมาใช้ฉีดบำรุงผิวมักประกอบด้วยวิตามินซี กลูต้าไธโอน และสารบำรุงอื่นๆที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน โดยอาจมีบางสูตรที่ผสมสารบำรุงร่างกายอื่นๆ เช่น วิตามินบี วิตามินซี เป็นต้น
ข้อดีของการฉีดวิตามินผิว
- ฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้ดูกระจ่างใสมากขึ้น
- ปรับสีผิวให้ดูเรียบเนียนและสม่ำเสมอมากขึ้น
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ
- ช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย
- เห็นผลลัพธ์รวดเร็ว เนื่องจากร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ 100%
- ร่างกายสามารถขับออกได้ผ่านการขับถ่าย ทำให้ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย
ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดวิตามินผิวใส
- ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ป่วยโรคตับหรือโรคไต เนื่องจากร่างกายอาจมีภาวะการขับของเสียที่ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ
- ผู้ที่มีภาวะธาตุเหล็กเกิน เนื่องจากการฉีดวิตามินซีอาจทำให้แร่ธาตุในร่างกายไม่สมดุล
ต้องฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล และควรเว้นระยะกี่วัน?
การฉีดวิตามินผิวสามารถทำได้ประมาณสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยควรได้รับการดูแลและคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ปกติแล้วจะเริ่มเห็นผลลัพธ์จากการฉีดครั้งแรก โดยจะรู้สึกได้ว่าผิวใสและเรียบเนียนขึ้น และหากต้องการคงผลลัพธ์ที่ชัดเจนควรฉีดวิตามินผิวอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์เป็นเวลา 3 – 5 สัปดาห์ติดต่อกัน หลังจากนั้นสามารถเว้นระยะการฉีดออกไปเป็น 2 – 3 สัปดาห์ต่อครั้ง และในระยะยาวอาจเว้นระยะการฉีดเป็น 1 ครั้งต่อเดือน
บทความที่คล้ายกัน : ฉีดวิตามินผิว ช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้อย่างไร? เสริมภูมิคุ้มกันจริงหรือไม่? มีความเสี่ยงไหม
ฉีดฟิลเลอร์ปรับสภาพผิว
เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการฟื้นฟูผิวและปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูอ่อนวัยขึ้น โดยเราทราบกันอยู่แล้วว่าฟิลเลอร์ เป็นสารที่มีส่วนประกอบของ ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) เป็นหลัก ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่พบได้ในร่างกาย มีความปลอดภัยสูง เพื่อเติมเต็มบริเวณที่เกิดร่องลึก ริ้วรอย หรือบริเวณที่ผิวมีการหย่อนคล้อย ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและดูมีมิติมากขึ้นได้อีกด้วยค่ะ
ประโยชน์ของการฉีดฟิลเลอร์เพื่อปรับสภาพผิว
- ลดริ้วรอยและร่องลึกบนใบหน้า เช่น บริเวณร่องแก้ม หรือใต้ตา
- ช่วยยกผิวในบริเวณที่หย่อนคล้อย เช่น แนวกรอบหน้าและคาง
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำและดูเต็มมีมิติมากขึ้น
- เจ็บน้อย ไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีด รวมถึงไม่ต้องพักฟื้นอีกด้วย
เตรียมตัวอย่างไรก่อนฉีดฟิลเลอร์
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้น กังนัมคลินิกได้รวบรวมวิธีการดูแลตัวเองก่อนเข้ารับบริการฉีดฟิลเลอร์มาให้เพื่อน ๆ แล้ว ไปดูกันเลยค่ะ
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์
- ก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ 24 ชม. ควรงดดื่มแอลกอฮอล์
- งดการทานวิตามิน และ ยาบางประเภทเช่น ยาในตระกูล NSAIDs เนื่องจากอาจจะทำให้เลือดหยุดไหลช้ากว่าปกติ
- งดออกกำลังกายหนักๆ และงดซาวน่า
การร้อยไหม
เรามักจะได้ยินว่า ‘การร้อยไหม’ เป็นหัตถการที่ช่วยยกกระชับผิว แต่จริงๆ แล้วการร้อยไหมไม่เพียงแต่ช่วยยกผิวให้เต่งตึงเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถช่วยลดความหมองคล้ำและปัญหาผิวอื่น ๆ ได้อีกด้วย การร้อยไหมโดยใช้ไหมที่มีลักษณะพิเศษ สามารถย่อยสลายได้เองในร่างกาย จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิวอย่างมีประสิทธิภาพ ทำหน้าที่เข้าไปช่วยให้ผิวกระชับขึ้น และลดความหมองคล้ำอย่างชัดเจนทันทีหลังทำเสร็จ
ข้อดีของการร้อยไหม
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและการหมุนเวียนของเลือด ทำให้ผิวดูสดใสและกระจ่างใสขึ้น
- ช่วยปรับรูปหน้าเรียว ผิวหน้าดูกระชับและเต่งตึงขึ้น
- ผลลัพธ์ของการร้อยไหมสามารถอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลและสภาพผิว
- ไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้นนาน
ร้อยไหมบริเวณไหนได้บ้าง
การร้อยไหม สามารถทำได้ในหลายบริเวณของใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณที่มีปัญหาความหมองคล้ำหรือผิวหย่อนคล้อย เช่น
- รอบดวงตา
- โหนกแก้ม
- กรอบหน้า
- คางหรือเหนียง
- บริเวณหน้าผาก
HIFU
HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มสูง มักถูกใช้ในการยกกระชับผิวและปรับรูปหน้า ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งหัตถการที่สามารถช่วยลดความหมองคล้ำได้ในเวลาเดียวกัน
ข้อดีของ HIFU
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก (SMAS) ซึ่งมีส่วนช่วยในการปรับโครงสร้างของผิวให้ดีขึ้น ส่งผลให้ผิวใสขึ้นและปรับโทนสีผิวให้สม่ำเสมอ
- ช่วยยกกระชับผิว ปรับรูปหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องรูปหน้าและอยากให้หน้าเรียวขึ้น
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น เจ็บน้อย เหมาะสำหรับผู้ไม่มีเวลาและกลัวการผ่าตัด
ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล
การทำ HIFU มักจะเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังจากการทำหัตถการประมาณ 20-30% แต่ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ชัดเจนขึ้นหลังทำประมาณ 2-3 เดือน โดยผลลัพธ์มักจะอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปีแล้วแต่บุคคล
ใครบ้างไม่ควรเข้ารับบริการ HIFU
- ผู้ที่มีปัญหาด้านการหายใจหรือระบบหัวใจ เนื่องจากคลื่นพลังงานความร้อนอาจมีผลกระทบต่อร่างกาย
- ผู้ที่ใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องช่วยหายใจหรือเครื่องกระตุ้นหัวใจ
- ผู้ที่มีแผลเปิดหรือปัญหาผิวหนัง เช่น แผลติดเชื้อ แผลเรื้อรัง โดยควรรอให้แผลหายสนิทก่อน
- ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
Ulthera
Ulthera เป็นการใช้เทคโนโลยีคลื่นอัลตราซาวด์เพื่อยกกระชับผิว โดยคลื่นอัลตราซาวด์จะถูกยิงในรูปแบบจุดเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 1 มม. ลงไปใต้ผิวหนังที่อุณหภูมิ 60-70°C คลื่นอัลตราซาวด์จะส่งเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิวหนัง กระตุ้นเซลล์ในผิวหนังและ SMAS ให้เรียงตัวใหม่ นอกจากนี้แพทย์ยังสามารถปรับค่าพลังงาน และจำนวนช็อตที่จะยิงลงไปในแต่ละจุดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ และตอบโจทย์ความต้องการของผู้เข้ารับบริการอย่างตรงจุดอีกด้วย
ข้อดีของ Ulthera
- Ulthera เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ต้องใช้การผ่าตัด ลดเวลาในการพักฟื้น และเห็นผลลัพธ์ทันที
- สามารถออกแบบการรักษาให้เหมาะกับแต่ละบุคคล เพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้องการได้อย่างตรงจุด
- ช่วยยกกระชับผิวให้เต่งตึงและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูยืดหยุ่น กระจ่างใสยิ่งขึ้น
ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล
โดยปกติแล้วการรักษาด้วยเครื่อง Ulthera มักเห็นผลลัพธ์ประมาณ 30% ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และจะชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 2-3 เดือนหลังการรักษา โดยผลลัพธ์จะสามารถอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการดูแลรักษารวมถึงสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วยนั้นเองค่ะ บอกเลยว่าผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่าอย่างแน่นอน
ใครบ้างไม่ควรเข้ารับบริการ Ulthera
- ผู้ที่มีปัญหาด้านการหายใจหรือระบบหัวใจ เนื่องจากคลื่นพลังงานความร้อนอาจส่งผลกระทบต่อร่างกาย
- ผู้ที่ใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องช่วยหายใจหรือเครื่องกระตุ้นหัวใจ
- ผู้ที่มีแผลเปิดหรือปัญหาผิวหนัง เช่น แผลติดเชื้อ โดยควรรอให้แผลหายสนิทก่อน
- ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
อ่านต่อเพิ่มเติม : Ulthera คืออะไร? ช่วยเรื่องอะไรบ้าง? รวมข้อสงสัยที่คุณต้องรู้
สรุปวิธีแก้หน้าหมองคล้ำแบบเร่งด่วนฉบับอัพเดทปี 2024
ทุกหัตถการในบทความนี้เป็นที่นิยมในปี 2024 โดยมุ่งเน้นไปที่การปรับผิวหน้าให้กระจ่างใส และเพิ่มความมั่นใจ บางหัตถการในบทความนี้ยังช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนตามที่ต้องการอีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่มีความกังวลเรื่องความงามเฉพาะจุด เช่น ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ผิวหมองคล้ำ หรือกรอบหน้า การเลือกหัตถการที่เหมาะสมควรขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล
ทั้งนี้อย่าลืมเลือกคลินิกที่ได้รับมาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ควรทำเข้ารับการปรึกษาและทำหัตถการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้นเพื่อความปลอดภัยในระยะยาวและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
สำหรับคนที่สนใจโปรโมชั่น หรือข้อมูลหัตถการต่างๆ สามารถแอดไลน์ @gangnamclinic และช่องทาง Facebook เพื่อสอบถามโปรโมชั่นเพิ่มเติม และสามารถเข้ามาปรึกษาหมอฟรี ที่กังนัมคลินิกใกล้บ้านคุณโดยไม่มีค่าใช้จ่าย