เจาะลึก NAD+ IV Therapy นวัตกรรมชะลอวัย มิติใหม่ในการดูแลสุขภาพ
NAD+ IV Therapy ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมชะลอวัยทางการแพทย์ ที่ช่วยดูแลสุขภาพและช่วยชะลอวัยได้ดีจากภายในสู่ภายนอก เพราะเป็นตัวช่วยที่ทำหน้าที่ชะลอวัย ฟื้นฟูร่างกายได้ตั้งแต่ระดับ DNA ซึ่งในบทความนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับ NAD+ IV Therapy กันอย่างเจาะลึกว่าคืออะไร แตกต่างจากการดริปวิตามินผิวอย่างไร และสามารถช่วยชะลอวัยได้อย่างไรบ้าง
ดริปวิตามินผิว (IV Drip) คืออะไร
ดริปวิตามินผิว (IV Drip) เป็นกระบวนการบำรุงผิวพรรณรูปแบบใหม่ ที่ช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส มีความชุ่มชื้น และยังมีส่วนช่วยในการชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ด้วยการให้สารอาหารและวิตามินต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับผิวโดยตรงเข้าสู่กระแสเลือด ผ่านทางการติดตั้งสายน้ำเกลือแทนการรับประทานเข้าไปทางปาก ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารเหล่านั้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อดริปเสร็จแล้ว แพทย์จะให้นอนพักเพื่อให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มที่ก่อนกลับบ้าน
NAD+ คืออะไร
NAD+ หรือ Nicotinamide Adenine Dinucleotide เป็นสารอนุพันธ์วิตามินบี 3 ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารชะลอความเสื่อมสภาพของร่างกาย ที่เป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญในการซ่อมแซมดีเอ็นเอ ช่วยรักษาเสถียรภาพของยีนและลดการสูญเสียข้อมูลทางพันธุกรรม ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการชะลอความแก่ชราของเซลล์ นอกจากนี้ NAD+ ยังมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของโรคต่างๆ และความแก่ก่อนวัย
ดังนั้น การรักษาระดับ NAD+ ให้เพียงพอในร่างกายจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เราสามารถได้รับ NAD+ จากอาหารบางประเภท เช่น เนื้อสัตว์ ถั่ว ผักใบเขียว รวมถึงการรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิด เพื่อสุขภาพที่ดี และการชะลอวัยจากภายในระดับเซลล์
ร่างกายขาด NAD+ จะเกิดอะไรขึ้น ?
อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า NAD+ เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ร่างกายช่วยชะลอความเสื่อมสภาพ ช่วยซ่อมแซมดีเอ็นเอต่างๆ ในร่างกาย หากร่างกายขาด NAD+ จะส่งผลกระทบในหลายด้าน ดังนี้
พลังงานในเซลล์ของร่างกายลดลง
เนื่องจาก NAD+ มีบทบาทสำคัญในกระบวนการสร้างพลังงาน (ATP) จากการสลายกลูโคส หากขาดจะทำให้เซลล์ขาดพลังงานในการทำงานภาวะเมแทบอลิซึมผิดปกติ
พราะ NAD+ เป็นโคเอนไซม์ที่จำเป็นสำหรับปฏิกิริยาเมแทบอลิกหลายชนิด การขาดจะทำให้เกิดความผิดปกติในการเผาผลาญสารอาหารต่างๆความเสียหายต่อดีเอ็นเอเพิ่มขึ้น
เนื่องจาก NAD+ มีบทบาทในการซ่อมแซมดีเอ็นเอ การขาดจะทำให้เกิดการสะสมความเสียหายต่อดีเอ็นเอมากขึ้นอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น
เพราะ NAD+ มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุแก่โรคต่างๆร่างกายแก่เร็วขึ้น
เนื่องจากการขาด NAD+ จะทำให้เกิดความผิดปกติในกระบวนการเมแทบอลิซึม ความเสียหายต่อดีเอ็นเอ อนุมูลอิสระเพิ่มขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเสื่อมสภาพของเซลล์เร็วขึ้นภูมิคุ้มกันลดลง
มีงานวิจัยพบว่า NAD+ มีบทบาทในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยเฉพาะเซลล์เม็ดเลือดขาวสุขภาพหลอดเลือดแย่ลง
เนื่องจากNAD+ ช่วยในการไหลเวียนและขยายของหลอดเลือด การขาดจึงอาจทำให้หลอดเลือดแข็งตัว
NAD+ มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร ?
NAD+ หรือ Nicotinamide Adenine Dinucleotide มีประโยชน์หลากหลายต่อร่างกาย โดยเฉพาะในการสร้างพลังงาน ควบคุมกระบวนการเมแทบอลิก ซ่อมแซมดีเอ็นเอ ต้านอนุมูลอิสระ และบำรุงสุขภาพโดยรวม ในปัจจุบันจึงมีความนิยมในการเสริม NAD+ เพื่อรักษาสุขภาพและชะลอวัย นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ดังนี้
ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับเซลล์
NAD+ เป็นโคเอนไซม์สำคัญในกระบวนการสร้างพลังงาน (ATP) จากการสลายกลูโคส ช่วยให้เซลล์ทุกชนิดมีพลังงานเพียงพอในการทำงานช่วยในกระบวนการเมแทบอลิซึม
NAD+ เป็นโคแฟกเตอร์จำเป็นสำหรับปฏิกิริยาเมแทบอลิกนับร้อยชนิด เช่น การสลายไขมัน การสังเคราะห์กรดอะมิโน การเผาผลาญแอลกอฮอล์ เป็นต้นช่วยซ่อมแซมและรักษาดีเอ็นเอ
NAD+ มีบทบาทสำคัญในกระบวนการซ่อมแซมดีเอ็นเอ ช่วยลดการสะสมความเสียหายจากอนุมูลอิสระและรักษาเสถียรภาพของยีนช่วยต้านอนุมูลอิสระและชะลอความแก่
NAD+ มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคและความแก่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด
NAD+ ช่วยขยายหลอดเลือดและเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ส่งผลดีต่อระบบไหลเวียนและระบบหัวใจ
NAD+ IV Therapy คืออะไร
NAD+ IV Therapy เป็นการบำบัดโดยการนำสารประกอบ NAD+ (Nicotinamide Adenine Dinucleotide) เข้าสู่ร่างกายโดยตรงผ่านทางการดริปเข้าสู่กระแสเลือด แทนที่จะได้รับจากการรับประทานอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตามปกติ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมและใช้ประโยชน์จาก NAD+ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจาก NAD+ เป็นสารสำคัญที่มีบทบาทหลักในกระบวนการเผาผลาญพลังงานของเซลล์ การซ่อมแซมดีเอ็นเอ ต้านอนุมูลอิสระและชะลอวัย จึงมีผู้เชื่อว่าการเสริม NAD+ โดยวิธีนี้จะช่วยบำรุงสุขภาพ เพิ่มพลังงาน ขจัดของเสียและสารพิษ ลดอาการดื้อยาจากการติดสารเสพติด รวมถึงชะลอความแก่ของเซลล์
การลดลงของ NAD+ ทำให้เกิดความชราจริงไหม
การลดลงของระดับ NAD+ ในร่างกาย ทำให้เกิดความชราได้จริง เนื่องจากมีหลักฐานจากงานวิจัยหลายชิ้นที่สนับสนุนว่า
- ระดับ NAD+ ในเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ ของร่างกายจะลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น โดยพบว่าในผู้สูงอายุจะมีระดับ NAD+ ต่ำกว่าวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่
- การลดลงของ NAD+ ทำให้เกิดความผิดปกติในกระบวนการสร้างพลังงานในเซลล์ ส่งผลให้เซลล์มีพลังงานไม่เพียงพอในการซ่อมแซมและบำรุงตัวเอง ทำให้มีการเสื่อมสภาพไปตามวัย
- NAD+ มีบทบาทสำคัญในการซ่อมแซมดีเอ็นเอ เมื่อระดับ NAD+ ลดลงจึงทำให้ DNA มีความเสียหายเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดภาวะชราเร็วขึ้น
- การลดลงของ NAD+ ทำให้เกิดการสะสมอนุมูลอิสระมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของความชรา
- งานวิจัยพบว่าการเสริม NAD+ เข้าไปในหนูทดลอง สามารถชะลอการแก่หรือการชราได้
ดังนั้น NAD+ จึงมีบทบาทสำคัญต่อกระบวนการชราภาพ การรักษาระดับให้เพียงพอจะช่วยชะลอความชราตามปกติวิสัยได้ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์และวิธีการต่างๆ เช่น การดริป NAD+ เพื่อเพิ่มระดับในร่างกาย
ทำไม Nad + จึงมีความสำคัญต่อการชะลอวัย?
NAD+ หรือ Nicotinamide Adenine Dinucleotide เป็นสารประกอบที่มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการชะลอวัยของเซลล์และร่างกาย ซึ่งมีส่วนในการควบคุมการสร้างพลังงานหลัก (ATP) ของเซลล์ ซึ่งหากเซลล์มีพลังงานเพียงพอก็จะสามารถทำงาน ซ่อมแซมและบำรุงตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ชะลอการเสื่อมสภาพตามวัย
นอกจากนี้ NAD+ ยังเกี่ยวข้องกับกระบวนการซ่อมแซมความเสียหายของดีเอ็นเอ โดยช่วยลดการสะสมความผิดปกติที่เป็นสาเหตุหนึ่งของความชรา อีกทั้งยังมีส่วนเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเอนไซม์ Sirtuins ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการยืดอายุเซลล์ ช่วยคงความสมดุลของโปรตีน และเร่งกระบวนการเผาผลาญ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบ ซึ่งเป็นกระบวนการพื้นฐานของความชราอีกด้วย
การทำ NAD+ Therapy เหมาะกับใคร
การทำ NAD+ Therapy หรือการเสริมระดับ NAD+ โดยวิธีการต่างๆ เช่น การดริป NAD+ เข้าหลอดเลือดนั้น เหมาะสำหรับกลุ่มบุคคลดังต่อไปนี้
ผู้สูงอายุ
เนื่องจากระดับ NAD+ ในร่างกายจะลดลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น การเสริม NAD+ จึงช่วยชะลอความชราของเซลล์และลดโอกาสเกิดโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอายุที่เพิ่มขึ้นผู้ที่ต้องการเพิ่มพลังงานและสมรรถภาพร่างกาย
เนื่องจาก NAD+ มีบทบาทสำคัญในการสร้างพลังงานให้กับเซลล์ การเสริมจึงช่วยเพิ่มพลังงาน ความแข็งแรง และสมรรถภาพการออกกำลังกายผู้ที่ต้องการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย
NAD+ มีบทบาทในการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบผู้ที่ต้องการชะลอวัย
เนื่องจาก NAD+ มีบทบาทต่อกลไกการชะลอวัยหลายประการ จึงมีความเชื่อว่าการเสริม NAD+ จะช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์และเนื้อเยื่อได้ผู้ป่วยที่มีภาวะเซลล์เสื่อม
เช่น โรคสมองเสื่อม อัลไซเมอร์ เนื่องจาก NAD+ มีบทบาทในการซ่อมแซมเซลล์ประสาท
ใครที่ไม่เหมาะกับการทำ NAD+ IV Therapy
ผู้ที่อาจไม่เหมาะสมกับการทำ NAD+ IV Therapy หรือไม่ควรทำการดริปสารละลาย NAD+ เข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง ได้แก่
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ NAD+ หรือส่วนประกอบอื่นๆ ในสารละลายที่ใช้ดริป
- สตรีมีครรภ์ หรือกำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตร
- ผู้ป่วยที่มีปัญหาไต เนื่องจากอาจเกิดการสะสมของ NAD+ และอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้
- ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงหรือมีโรคหัวใจอย่างรุนแรง เนื่องจาก NAD+ อาจส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัวมากเกินไป
- ผู้ที่มีความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด เช่น โรคเกล็ดเลือดต่ำ เพราะอาจส่งผลเสียต่อการแข็งตัวของเลือดได้
- ผู้ป่วยมะเร็งในระยะรุนแรง เนื่องจาก NAD+ อาจมีผลต่อการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิด
- ผู้ที่กำลังได้รับการรักษาด้วยยาบางชนิด เช่น ยาขยายหลอดเลือด ยาละลายลิ่มเลือด เนื่องจากอาจเกิดปฏิกิริยารุนแรงได้
ข้อดีของการดริปวิตามิน NAD+ IV Therapy
การดริปวิตามินเอ็นเอดีพลัส (NAD+ IV Therapy) เป็นทางเลือกการรักษาที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน โดยมีข้อดีที่หลากหลายดังนี้
ช่วยเพิ่มระดับพลังงานและความสดชื่นให้ร่างกาย
เนื่องจาก NAD+ เป็นโคแฟคเตอร์สำคัญในกระบวนการผลิตพลังงานเซลล์ การเพิ่มระดับ NAD+ จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างพลังงานได้
มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและชะลอวัย
NAD+ มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดภาวะอายุเพิ่มขึ้นช่วยปรับสมดุลเซลล์ในร่างกายและกระบวนการซ่อมแซมเซลล์
เนื่องจาก NAD+ มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์โปรตีนและซ่อมแซมดีเอ็นเอช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับความเสื่อมของเซลล์
เช่น โรคอัลไซเมอร์และโรคพาร์กินสัน จากการศึกษาวิจัยช่วยให้ร่างกายดูดซึมได้ง่ายขึ้น
เนื่องจากเป็นการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ทำให้ร่างกายดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เตรียมก่อนทำ NAD+ IV Therapy มีอะไรบ้าง ?
ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ก่อนทำ NAD+ IV Therapy ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประวัติการแพ้ยา ประวัติโรคประจำตัว และยาที่รับประทานอยู่ เพื่อประเมินความเสี่ยงและปรับขนาดยาให้เหมาะสมงดอาหารและเครื่องดื่มบางประเภท
งดอาหารและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงก่อนทำการรักษา เนื่องจากคาเฟอีนอาจส่งผลต่อการดูดซึมและการทำงานของ NAD+งดสุรา นิโคตินและสารอื่นๆ ตามคำแนะนำของแพทย์
เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อการรักษาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการรักษาให้เข้าใจ
เพื่อความพร้อมและลดความวิตกกังวลพักผ่อนให้เพียงพอ
เพื่อป้องกันการอ่อนเพลีย อาการปวดหรือวิงเวียนศีรษะหลังทำ NAD+ IV Therapy
ข้อควรปฏิบัติหลังการทำ NAD+ Therapy
พักผ่อนอย่างเพียงพอ
การได้รับ NAD+ อาจทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าในระยะแรก ควรพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อฟื้นฟูร่างกายดื่มน้ำให้เพียงพอ
เพื่อช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย และทดแทนน้ำที่สูญเสียไประหว่างการรักษางดสุรา งดสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงสารเสพติดอื่นๆ
เนื่องจากอาจส่งผลต่อการดูดซึมและการทำงานของ NAD+หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก
ในช่วงแรกหลังการรักษา จนกว่าร่างกายจะฟื้นตัวดีรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ เพื่อเสริมสร้างพลังงานให้กับร่างกายสังเกตอาการผิดปกติ
หากมีอาการข้างเคียงรุนแรง เช่น คลื่นไส้อาเจียน ปวดศีรษะมาก ควรปรึกษาแพทย์ทันทีปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจาก NAD+ IV Therapy และลดความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดขึ้นได้
ทำไมต้องทำ NAD+ IV Therapy ที่ Gangnam
ใช้ตัวยาของแท้ ที่ผ่านมาตรฐาน อย.
กังนัมคลินิก เป็นคลินิกชื่อดังที่มีเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ เซเลป ดาราคนดัง รวมถึงคนทั่วไป ที่ให้การยอมรับ เนื่องจากใช้ตัวยาแท้ ที่ผ่านมาตรฐาน ทำให้มั่นใจได้เลยว่าปลอดภัย ได้มาตรฐานทั้งไทยและเกาหลีมีสาขาให้เลือกเยอะ
ที่กังนัมคลินิก เขาเปิดมากกว่า 10 สาขาครอบคลุมการเดินทาง ทำให้เดินทางง่าย สะดวก ไม่ว่าอยู่ในพื้นที่ไหน ก็สามารถเดินทางไปทำได้ง่ายราคาเหมาะสม
ในเรื่องของราคาของที่นี่ก็มีความสมเหตุสมผล ไม่ถูกหรือแพงจนเกินไป ราคาจับต้องได้ โดยไม่ต้องเดินทางไปทำถึงเกาหลีมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแลอย่างใกล้ชิด
ที่สำคัญที่นี่เค้ามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยให้บริการ ทั้งให้คำปรึกษา ตลอดจนการเข้ารับบริการ การรักษา และหลังการรักษา ที่คอยให้คำแนะนำทั้งก่อนและหลังอย่างดี เพื่อให้ได้คุณภาพสูงสุด
ผู้ป่วยโรคไหนเหมาะกับการทำ NAD+ Therapy
ผู้ป่วยติดสารเสพติด
NAD+ ช่วยบรรเทาอาการถอนพิษและลดความอยากจากการเสพสารเสพติด เช่น แอลกอฮอล์ โคเคน นิโคตินและยาเสพติดอื่นๆ จึงนิยมใช้ในการบำบัดผู้ติดสารเสพติดผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับความเสื่อมของเซลล์สมอง
เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสันและกลุ่มอาการชรา เนื่องจาก NAD+ มีบทบาทในการซ่อมแซมดีเอ็นเอและลดความเสียหายของเซลล์สมองผู้ป่วยโรคเบาหวาน
จากการศึกษาพบว่า NAD+ อาจช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลินและลดระดับน้ำตาลในเลือดผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดฃ
NAD+ มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองผู้ป่วยอ่อนล้าเรื้อรัง
เนื่องจาก NAD+ มีบทบาทในการผลิตพลังงานของเซลล์ จึงอาจช่วยเพิ่มระดับพลังงานและบรรเทาอาการอ่อนล้าได้
อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยแต่ละรายอาจมีข้อบ่งชี้หรือข้อควรระวังเฉพาะ จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับการบำบัด เพื่อความปลอดภัยและได้ผลการรักษาที่ดีที่สุด
ใครที่ไม่ควรเติมวิตามิน NAD+
ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ตั้งครรภ์ และลูกได้ผู้ที่มีภาวะไตล้มเหลว
NAD+ อาจเพิ่มระดับครีเอตินีนในเลือด ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีภาวะไตเสื่อมผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ไต และความดันโลหิต
NAD+ อาจส่งผลต่อยาที่ใช้รักษาโรคเหล่านี้ผู้ที่มีโรคมะเร็ง
NAD+ อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
ดริปวิตามิน แตกต่างจากการกินอาหารเสริมไหม
การดริปวิตามิน และการกินอาหารเสริม เป็นจุดประสงค์ที่เหมือนกันคือ เพิ่มวิตามินและแร่ธาตุในร่างกาย ซึ่งมีความแตกต่างกันที่ การฉีดวิตามิน เป็นการฉีดสารอาหารหรือวิตามินเข้าเส้นเลือดโดยตรง ทำให้ดูดซึมสารอาหารหรือวิตามินได้ไวกว่าการกินอาหารเสริม ขณะที่การกินอาหารเสริมเป็นการกินเม็ด แคปซูล ผง หรือของเหลว ที่สกัดออกมาเป็นตัวยาหรือเม็ดวิตามิน แม้ว่าร่างกายจะดูดซึมได้ช้า และเห็นผลช้ากว่าการดริปวิตามิน แต่สามารถอยู่ในร่างกายได้นานกว่าการดริปวิตามิน
ดริปวิตามิน, ฉีดวิตามินผิว, NAD+ IV Therapy เหมือนกันไหม
การดริปวิตามิน ฉีดวิตามินผิว และ NAD+ IV Therapy เป็นการให้สารอาหารเข้าสู่ร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำ แต่ละวิธีมีสูตรวิตามินและสารอาหารที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งานดังนี้
การดริปวิตามิน
เป็นการให้วิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารอื่นๆ เข้าสู่ร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำ โดยแพทย์จะทำการเจาะเข็มและต่อสายน้ำเกลือที่ผสมวิตามินสูตรต่างๆ ซึ่งสูตรวิตามินที่ใช้จะขึ้นอยู่กับความต้องการและปัญหาสุขภาพของแต่ละบุคคล ซึ่งการดริปวิตามิน จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้รวดเร็ว ทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ไว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มพลังงาน เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงผิวพรรณ หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่าง
การฉีดวิตามินผิว
จะมีลักษณะคล้ายกับการดริปวิตามิน แต่จะเน้นไปที่วิตามินและสารอาหารที่ช่วยบำรุงผิวพรรณโดยเฉพาะ เช่น วิตามินซี กลูต้าไธโอน ไฮยาลูรอนิกแอซิด ซึ่งนิยมใช้เพื่อช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใส ลดรอยสิว รอยฝ้า กระ และริ้วรอยก่อนวัย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง อ่อนเยาว์
NAD+ IV Therapy
เป็นการให้สาร NAD+ (Nicotinamide Adenine Dinucleotide) เข้าสู่ร่างกายผ่านทางหลอดเลือดดำ ซึ่ง NAD+ เป็นสารประกอบที่พบได้ตามธรรมชาติในเซลล์ของร่างกาย มีบทบาทสำคัญในกระบวนการเผาผลาญพลังงาน การซ่อมแซมเซลล์ และการชะลอวัย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มพลังงาน ชะลอวัย และลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ ซึ่งจำเป็นต้องปรึกษาและอยู่ในความดูแลของแพทย์
สรุป NAD+ IV Therapy นวัตกรรมชะลอวัย มิติใหม่ในการดูแลสุขภาพ
สำหรับใครที่สนใจเรื่องศาสตร์การชะลอวัย และอยากดูแลสุขภาพ นวัตกรรมความงามอย่าง NAD+ IV Therapy ก็ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมความงามทางการแพทย์ที่ตอบโจทย์ แต่ก่อนตัดสินใจทำควรหาข้อมูล เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นคนทำให้และดูแลอย่างใกล้ชิด และควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ก่อนทำ เพื่อให้ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด