“ผิวที่ดี คือผิวที่มีเกาะป้องกันผิวแข็งแรง” เชื่อว่าใครก็อยากมีผิวสุขภาพดี ผิวไบร์มีออร่า ดังนั้นการฉีดวิตามินเข้าสู่ผิว (Intravenous Vitamin therapy หรือ IV Drip) จึงเป็นทางเลือกในการบำรุงผิวพรรณของคนทั่วไป ดารา-เน็ตไอดอล เนื่องจากเป็นวิธีที่สะดวก เห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวที่ดีขึ้นชัดเจน และมีคำถามเยอะมากว่า แต่ต้องฉีดวิตามินกี่ครั้ง ถึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน ? ทำครั้งแรกเห็นผลเลยไหม สามารถทำบ่อยได้แค่ไหน บทความนี้มีคำตอบ ไปอ่านกันเลยค่ะ
ฉีดวิตามินผิวกี่ครั้งเห็นผล อยู่นานแค่ไหน?
การให้วิตามินเข้าสู่ผิว เป็นการบำรุงผิวที่สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีดไปแล้ว 3 -7 วัน (ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของคนไข้แต่ละบุคคล) สำหรับใครที่อยากเห็นผลลัพธ์ถึงความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ควรทำไปแล้วประมาณ 3-5 ครั้งขึ้นไป โดยทั่วไปการฉีดวิตามินผิวอยู่ได้นานประมาณ 1-2 เดือน หรือบางคนมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำ สภาพผิวของแต่ละบุคคล และการใช้ชีวิตประจำวัน
ฉีดบ่อยอันตรายไหม ควรเว้นระยะเท่าไร
หากคุณได้รับวิตามมินปริมาณมากเกินไป หรือบ่อยเกินไปอาจส่งผลอาจส่งให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตราย รวมถึงสามารถก่อโรคร้ายได้ ยกตัวอย่าง เช่น ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ , ปวดหัว ปวดไมเกรน ,ปวดเมื่อยตามร่างกาย ,เกิดอาการคลื้นไส้ อาเจยนรุนแรง ,โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ,โรคนิ่วในไต (Kidney stones)
โดยปกติแล้วแนะนำให้ฉีดวิตามินสามารถฉีด 1-2 ครั้ง ต่อเดือน หรือหากใครที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีควรทำติดต่อกันอย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หากฉีดวิตามินผิวเป็นประจำทุกสัปดาห์ประมาณ 3-5 สัปดาห์ติดกันแล้ว สามารถค่อย ๆ ทิ้งระยะการฉีดให้ห่างออกไปอีกได้ แล้วแต่ความพึงพอใจของตัวเอง และความเห็นของแพทย์ผู้ฉีด
ฉีดวิตามิน (IV Drip) เหมาะสมกับใคร
การเติมวิตามินเข้าสู่ผิวสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม เช่น เติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวพรรณให้กลับมาสดใสอีกครั้ง นอกจากนี้ยังช่วยลดขั้นตอนการบำรุงผิว เป็นทางลัดให้คุณสะดวกสบายในการใช้ชีวิตมากขึ้น เหมาะกับกลุ่มคนหลากหลายได้แก่
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิว ที่เสื่อมลง
- ผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ต้องการบำรุงผิวอย่างเร่งด่วน
- ผู้ที่ทำงานหนักไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน นอนดึก ตื่นเช้า รู้สึกไม่สดชื่นระหว่างวัน
- ผู้ที่ต้องการเสริมระดับภูมิคุ้มกันเพื่อลดอาการอ่อนเพลีย เจ็บป่วยง่าย หรือเป็นภูมิแพ้
- ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น แต่งหน้าไม่ติด
- ผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสขึ้น ผิวสดใสมีออร่า (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละคน)
- ผู้ที่ต้องการกระตุ้นระบบเผาผลาญ (Metabolism) ของร่างกายให้ทำงานได้ดีขึ้นเต็มประสิทธิภาพ
ข้อควรปฏิบัติหลังฉีดวิตามินผิว
วิธีดูแลตัวเองหลังเติมวิตามิน เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้นได้แก่
- ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดที่ร้อนจัด และควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 PA+++
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และงดการสูบบุหรี่1-3 วันหลังฉีดหรือจนกว่าจะหายบวม เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จะเข้าไปทำลายวิตามินที่ได้รับจากการหลังฉีดวิตามินผิว ทำให้มีผิวหมองคล้ำ เพิ่มริ้วรอย
- ทาครีมบำรุงผิวเพื่อรักษาความชุ่มชื้น ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่มีส่วนผสมของ AHA (Alpha Hydroxy Acid) หรือ PHA (Poly Hydroxy Acid) เพื่อให้สามารถทำให้ผิวหนังชั้นนอกหลุด และเซลล์ผิวหนังชั้นล่างจะทำการสร้างเซลล์ใหม่ที่แข็งแรงมาทดแทน
- งดนวดผิวบริเวณที่ทำทันที และหลีกเลี่ยงเช็ดถูหรือเกาบริเวณที่ฉีด
- หลังฉีดเสร็จควรดื่มน้ำสะอาดเยอะๆ อย่างน้อย 2-3 ลิตร เพื่อให้เลือดในร่างกายไหลเวียนได้ดีขึ้น ดูดซึมตัวยาวิตามินได้ดีขึ้น
- หากมีอาการช้ำ บวมหรือแดง 1-2 วันแล้วไม่หาย ให้ติดต่อแพทย์ที่ฉีดเพื่อวินิจฉัยและทำการรักษาทันที
รีวิวการฉีดผิววิตามินจากกังนัม
Q&A คำถามที่พบบ่อย
มาถึงช่วงตอบคำถามที่พบบ่อย ทางกังนัมคลินิกได้รวบรวมคำถามที่มักจะถูกถามมากที่สุด และมีประโยชน์ต่อผู่อ่าน หรือ ผู้ที่กำลังตัดสินใจฉีดวิตามินเข้าสู่ผิวมีดังนี้
สรุปการฉีดวิตามิน ทำกี่ครั้งเห็นผล
การฉีดวิตามินเป็นทางลัดการแก้ปัญหาผิวที่ครอบคลุมมากที่สุด โดยสามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงของผิวหลังเติมวิตามินเข็มแรก 3-7 วัน(ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล) โดยสามารถกลับมาเติมวิตามินซ้ำได้ แต่ควรเว้นระยะห่างที่พอดี ซึ่งแนะนำให้ฉีดเดือนละ 1-2 คร้ั้ง หรือเว้นการฉีดเป็นสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความเห็นของแพทย์เจ้าของเคสด้วย เนื่องจากหากฉีดวิตามินเข้าสู่ผิวในปริมาณที่มากเกินไปหรือถี่เกินไป สามารถส่งผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายกับร่างกายของคุณได้