เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยเพราะจะฉีดฟิลเลอร์ทั้งที ก็ต้องเลือกยี่ห้อที่ดีและเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด แต่ยี่ห้อฟิลเลอร์ในตลาดก็มีเยอะมาก เราควรจะเลือกยี่ห้อไหนดี ? ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ เพราะกังนัมคลินิกเราคัด ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่นิยมในไทย ฉีดสวย ปลอดภัยมี อย.โดยแต่ละยี่ห้อจุดเด่นต่างกันดังนี้
ฉีดฟิลเลอร์ (Filler) คืออะไร ?
การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) คือวิธีเสริมความงามแบบไม่ต้องผ่าตัด เป็นการฉีดสารเติมเต็มเข้าสู่ผิวเพื่อแก้ปัญหาผิว ลดความหย่อนคล้อย ช่วยเติมเต็มร่องลึก ริ้วรอยให้เรียบเนียน และคืนความเอิ่บอิ่มตามบริเวณต่าง ๆ ที่ฉีด โดยฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดต้องเป็นฟิลเลอร์จากสารฮายารูโรนิกแอซิด (Hyaluronic Acid) หรือเรียกสั้นๆว่า HA เท่านั้น เนื่องจากเป็นสารชนิดเดียวที่ได้รรับการรองรับจากองค์การอาหารและยา (อย.) ในประเทศไทยและ US.FDA จากสหรัฐอเมริกา มีความปลอดภัยสูง สามารถสลายได้เอง 1-2 ปี
ฟิลเลอร์สามารถฉีดบริเวณไหนบ้าง
บริเวณที่นิยมฉีดฟิลเลอร์ ได้แก่
- ฟิลเลอร์แก้ม ปรับสมดุลใบหน้า ช่วยเรื่องแก้มส้ม แก้มตอบ
- ฟิลเลอร์ปาก ปรับรูปทรงเติมเต็มความอวบอิ่ม
- ฟิลเลอร์ใต้ตา แก้ปัญหาร่องลึก ช่วยให้หน้าแลดูเด็กลง
- ฟิลเลอร์คาง ลดความหย่อนคล้อย
แนะนำ 5 ฟิลเลอร์ ฉีดยี่ห้อไหนดีสุด
Juvederm
Juvederm (จูวีเดิม) ฟิลเลอร์นำเข้าจากประเทศอเมริกา เป็นยี่ห้อดังมากและอยู่มานาน มีความปลอดภัยสูง มีเนื้อฟิลเลอร์รูปแบบสามารถใช้ฉีดได้หลายส่วน โดยปัจจุบัน Juvederm มีทั้งหมด 7 รุ่น โดยมีคุณสมบัติแตกต่างกัน โดยต้องให้คุณหมอช่วยประเมินและให้คำแนะนำร่วมด้วย
Juvederm ใช้ 2 เทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต ได้แก่
- Hylacross Technology
อุ้มน้ำได้ดี เนื้อมีความละเอียด หลังฉีดเนื้อจะฟู เหมาะสำหรับฉีดเติมเต็มร่องลึก มีความหยืดหยุ่นสูง เหมาะสำหรับบริเวณที่ต้องขยับบ่อย ๆ อย่าง ร่องแก้ม ,ปาก
- Vycross Technology
สามารถอุ้มน้ำได้น้อยกว่า Hylacross Technology ช่วยยกกระชับ ไม่บวมน้ำ เหมาะสำหรับเติมเต็มในทุกบริเวณของใบหน้า ผิวเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ
Restylane
ฟิลเลอร์ Restylane นำเข้าจากประเทศสวีเดน ถูกใช้อย่างแพร่หลายได้รับการรับรองทั้งองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) ไทย และเกาหลีใต้ นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์จากสหภาพยุโรป (EDQM) เนื้อฟิลเลอร์ทำมาจากกรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) ในปัจจุบัน Restylane ทำออกมาหลายรุ่น และมีคุณสมบัติแตกต่างกัน เพื่อที่จะได้ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน โดยใช้ 2 เทคโนโลยีในการผลิต ได้แแก่
- NASHA Technology
เน้นการยกกระชับ ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้น เนื้อฟิลเลอร์จะค่อนข้างแน่น จึงมีความคงรูป สามารถอยู่ได้นานถึง 6-12 เดือน
- OBT Technology
เน้นเรื่องความหยืดหยุ่น สามารถปรับรูปทรงได้หลากหลาย กลืนไปก้ับผิวได้ดี ทำให้ดูเป็นธรรมชาติ สามารถอยู่ได้นานถึง 6-18 เดือน
Neuramis
ฟิลเลอร์นิวรามิส Neuramis เป็นฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพ ในราคาเข้าถึงง่าย นำเข้าจากประเทศเกาหลี มีความปลอดภัยสูงไม่มีสารตกค้าง ในปัจจุบันมี 3 รุ่นที่ผ่าน อย.ไทย และนิยมนำมาใช้
- Neuramis Deep
- รุ่นนี้ไม่มียาชาผสม เนื้อเจลมีความแข็งปานกลาง ช่วยเติมเต็มร่องต่าง ๆ บนใบหน้าได้ดี
- Neuramis Deep Lidocaine คุณสมบัติเหมือนรุ่น Deep
- Neuramis Volume Lidocaine เนื้อเจลมีความแข็งมากที่สุดเมื่อเทียบกับอีก 2 รุ่นที่กล่าวมา สามารถกลืนไปกับผิวได้ดี เวลาขึ้นรูปจะได้ทรงสวยและเป็นธรรมชาติ มียาชาผสม
Belotero
ฟิลเลอที่ผลิตด้วย CPM Technology ฟิลเลอร์นำเข้าจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นนวัตกรรมที่ทำให้เนื้อเจลเรียบเนียน ฟิลเลอร์นำเข้าจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กลืนไปกับผิวหน้าได้ดี
หลายคนจำได้เพราะมีสีสันสดใส สะดุดตาแตกต่างจากยี่ห้ออื่น ให้ผลลัพธ์เรียบเนียนเป็นธรรมชาติ มีความยืดหยุ่นได้ดี และง่ายต่อการปั้นขึ้นรูป โดยมีทั้งหมด 4 รุ่น 4 สีด้วยกัน
- Belotero Soft
กล่องสีเหลือง ช่วยผิวใส ให้ผิวฉ่ำวาว เรียบเนียนช่วยให้รูขุมขนเล็กลง แต่งหน้าง่ายขึ้น
- Belotero Balance
กล่องสีส้ม เพิ่มความสดใสใต้ตา ไม่เป็นก้อน
- Belotero Intense
กล่องสีชมพู เติมเต็มริมฝีปากอวบอิ่ม และ Lifting ใบหน้า เพิ่มความอ่อนเยาว์หยืดหยุ่น
- Belotero Volume
กล่องสีม่วง ฟิลเลอร์เนื้อแน่น เพิ่มมิติให้กับใบหน้าใน 3 จุดสำคัญได้แก่ คาง แก้ม ขมับ
Nabota
สำหรับใครที่อยากเข้าวงการฟิลเลอร์ ในงบจำกัดแนะนำยี่ห้อ Nabota (นาโบตะ) ฟิลเลอร์นำเข้าจากประเทศเกาหลี ซึ่งทางบริษัทที่ผลิตระบุว่า เนื้อมีความบริสุทธ์มาถึง 98.7 % ใช้เทคโนโลยีการผลิต Hi-PURE Technology ซึ่งมีสิทธิบัตรในปี 2013 ช่วยปรับรูปหน้าเรียว ใช้ได้หลายส่วนเช่น ลดกราม ลดริ้วรอย และช่วยให้ใบหน้าแลดูอ่อนกว่าวัย จุดเด่นคือ เห็นผลไว ใครรีบเห็นผลยี่ห้อนี่คือคำตอบ หลังฉีดสามารถอยู่ได้นาน 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับตำแหน่ง และบริเวณที่ฉีด
ฟีลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี
ฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถช่วยแก้ปัญหาถุงใต้ตา ลดรอยคล้ำ ริ้วรอย และรอยเหี่ยวย่นบริเวณผิวใต้ตา โดยการเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ต้องพิจารณาถึง 4 ปัจจัยได้แก่
- ฟิลเลอร์ยี่ห้อนั้น ต้องได้รับการรับรองจาก อย. มีคุณภาพ เพื่อความปลอดภัยในการฉีดฟิลเลอร์
- เลือกฉีดฟิลเลอร์ กับคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ ฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์
- เลือกฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อ เหมาะกับแต่ละบริเวณโดยบางยี่ห้ออาจจะไม่เหมาะสำหรับการฉีดใต้ดวงตา
- เลือกยี่ห้อที่เหมาะกับงบประมาณที่ตั้งไว้ โดยยึดจากราคากลางในท้องตลาด
ฉีดฟิลเลอร์ราคาเท่าไหร่ ?
โดยปกติราคาฉีดฟิลเลอร์จะมีราคาค่อนข้างสูง โดยราคาแตกต่างกันได้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด ความยากง่าย รวมถึงและสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ละมุนดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด อย่าหลงเชื่อถ้าเจอราคาฟิลเลอร์ที่ถูกมากควรอ่านรายละเอียดต่างๆ ให้ดี เพราะเสี่ยงที่จะเจอฟิลเลอร์ปลอมได้ และสำหรับใครที่สนใจฉีดฟิลเลอร์แบบไม่ต้องกังวลของปลอมแยนะนำให้มาฉีดฟิลเลอร์ที่กังนัมคลินิก
filler ปรับรูปหน้าแบรนด์ ยุโรป อเมริกา | 1CC | ตั้งแต่ cc ที่2 | ตั้งแต่ cc ที่3 |
Belotero (Switzerland) | 7,896-12,000 | ลด 1,000 บาท ต่อ 1CC | ลด 1,500 บาท ต่อ 1CC (คุ้มสุด) |
Restylane (Sweden) | 8,623-12,000 | ||
Juvederm (USA) | 10,693-15,000 | ||
Restylane kyss(ปาก) | 13,693-15,000. | ||
*ราคาฟิลเลอร์ขึ้นอยู่กับ Area ที่ฉีดและแพทย์ประเมิน จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนฉีด* |
Filler ปรับรูปหน้าแบรนด์เกาหลี | CC ที่ 1-2 | CC ที่ 3 | CC ที่ 4 เป็นต้นไป |
Neuramis | 5,966 /1CC | 4,966/1CC | 3,966/1cc |
*มีโปรทดลองครั้งแรก 1,999 1 คน ต่อ 1 สิทธิ์ หากไม่อยากได้ต้องการฟิลเลอร์ นิวรามิส สามารถนำไปเป็นสิทธิ์ส่วนลด 1,999 บาท กับฟิลเลอร์กลุ่มยุโรป อเมริกาได้* |
ราคาและยี่ห้ออาจมีการเปลี่ยนแปลง สามารถสอบถามรายละเอียดโปรโมชันได้ที่ Line : @Gangnamclinic
สรุปฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี
เรื่องฟิลเลอร์เป็นเรื่องที่ค่อยข้างละเอียดอ่อนเพราะในการทำแต่ละครั้งต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก และความเหมาะสมสำหรับการฉีดแต่ละบริเวณ ซึ่งฟิลเลอ์ที่ดีคือฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของทั้งที่ประเทศไทย และต่างประเทศ เพื่อเป็นเครื่องหมายการันตีถึงความปลอดภัย และควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้ง